องค์การอนามัยโลก หรือ WHO รายงานว่า วานนี้ (20 พ.ค.) เป็นวันที่มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบสัปดาห์โดยเพิ่มขึ้นกว่า 100,000 รายทั่วโลกภายใน 24 ชม. ซึ่งทำให้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 5,084,932 ราย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตมี 329,731 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ใน 3 อยู่ใน 4 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ บราซิล รัสเซียและเปรู โดยสหรัฐฯ มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 21,000 ราย ซึ่งทำให้สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อแล้ว 1,591,991 ราย ตามมาด้วยรัสเซียที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเกือบ 9,000 ราย ซึ่งทำให้รัสเซียมียอดผู้ติดเชื้อแล้ว 308,705 ราย
บราซิล วานนี้เป็นวันที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 21,472 ราย ทำให้บราซิลเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก และมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 293,357 ราย มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกในขณะนี้
ขณะที่รัฐสภาบราซิลได้ผ่านกฎหมายการสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ โดยประชาชนจะต้องสวมใส่หน้ากาปกปิดบริเวณใบหน้าในพื้นที่สาธาณะต่างๆ รวมไปถึงการใช้ขนส่งสาธาณณะด้วยเช่นกัน หากฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นเงิน 52 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,600 บาท
ทางด้านนายกเทศมนตรีเมืองเซาเปาโล ออกมากล่าวเตือนว่าระบบสาธารณสุขของเมืองกำลังจะล่มสลายและไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอในเร็วๆ นี้ หากประชาชนยังไม่ปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม
ขณะที่ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโรของบราซิลยังยืนยันไม่เห็นด้วยกับการใช่้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมและเรียกร้องให้ภาคธุรกิจกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้งเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ที่ในแต่ละรัฐใช้นั้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจบราซิลให้แย่ลงเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ทาง WHO ยังออกมาเตือนให้ผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลกว่า ไม่ควรที่จะกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในรูปแบบปกติในเร็วๆ นี้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังอยู่ในช่วงเวลาที่เป็นอันตรายมากๆ ในการแพร่ระบาด
ที่มา CNBC / CNN / worldometers