นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวให้ความเห็นว่า ได้เห็นข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผลักดันกฎหมาย "นิรโทษกรรม" คดีการเมือง ยกเว้นคดีทุจริต ปลดล็อกประเทศ แล้วดีใจ แต่ก็ดีใจได้เพียงข้ามคืน รุ่งขึ้นโฆษกรัฐบาลก็ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว
ในระยะเวลาการทำงานการเมืองของผมตั้งแต่ปี 2544 ถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 20 ปี และเมื่อนับเวลาที่เป็นคณะทำงานของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ครั้งท่านเป็นผู้บัญชาการทหารบก และผมไปช่วยราชการใน กอ.รมน. รวมแล้วเป็นเวลากว่า 30 ปี ได้เห็นปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการสร้างความร่มเย็นเป็นสุขแก่ประชาชนและประเทศชาติ
ในภารกิจที่ผมอาสาเข้ามาเป็นผู้แทนประชาชน ผมสนใจการสร้างความปรองดองของคนในชาติมากที่สุด เพราะความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการสร้างบ้านแปลงเมือง
ผมศึกษาและประทับใจหลักคิดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในการเสนอนโยบาย "การเมืองนำการทหาร" ต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จนออกมาเป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/23 เรื่อง นโยบายการเมืองนำการทหาร สามารถยุติสงครามภายในที่คนไทยรบราฆ่าฟันกันเองมานานนับสิบปีลงได้ ส่งผลให้เกิดผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย นำคนออกจากป่าสู่อ้อมอกของครอบครัว ญาติพี่น้อง ร่วมพัฒนาบ้านเมืองมาจนทุกวันนี้
การรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค.2557 ข้ออ้างประการหนึ่งนอกเหนือจากการรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองก็ คือ การสร้างความปรองดองของคนในชาติ
ผมเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหาร ที่บัดนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่สอง ควรแสดงภาวะผู้นำ เมื่อเรียนผูก ก็ควรเรียนแก้ปัญหาของประเทศ
ไหน ๆ ก็มีผู้จุดประเด็นข่าวการสร้างความปรองดองขึ้นมาอีกครั้ง ในฐานะที่ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มานาน เพราะการสร้างความปรองดองของคนในชาติ คือ หัวใจของการสร้างชาติ สร้างแผ่นดิน ดังกล่าวข้างต้น
หลักคิดของผมในเรื่องนี้ก็ คือ ผู้นำประเทศควรน้อมนำคุณธรรมทางศาสนามาใช้ในการสร้างความปรองดองของคนในชาติ โดยคุณธรรมทางศาสนาที่สำคัญนั้น ได้แก่ "อภัย และเมตตา" เพื่อให้อภัยและเมตตาแก่บุคคลที่ต้องคดีการเมือง และคดีอาญาที่เกี่ยวเนื่องกับการเมือง ยกเว้นคดีทุจริต
แต่กระบวนการกล่าวหาว่าผู้ใดทุจริต กระบวนการนั้นก็ต้องยืนอยู่บน "หลักนิติธรรม" ถึงจะได้รับการยอมรับจากนานาอารยประเทศ ที่สำคัญได้รับการยอมรับจากผู้ถูกกล่าวหา
นายชวลิต ระบุว่า ขณะนี้ทั่วโลกเกิดวิกฤตจากการระบาดของไวรัสโควิด ส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนมหาศาลทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะจะมีคนตกงานนับสิบล้านคน ธุรกิจต่าง ๆ ปิดกิจการมากมาย ดังนั้น การสร้างความปรองดองของคนในชาติในห้วงเวลานี้จึงเป็นห้วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดเพื่อระดมกำลังความคิด สติปัญญาจากทุกภาคส่วนมาช่วยกันแก้ปัญหาและพัฒนาชาติ บ้านเมือง
ผมเห็นว่า "มะม่วงสุกแล้ว" ไม่อ่อน จนเปรี้ยว และถ้าปล่อยให้สุกเกินไป ก็จะเน่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :