วันที่ 9 มิ.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปราย พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 วงเงิน 5 แสนล้านบาท ว่า ประเด็นที่น่าวิจารณ์ในวันนี้ไม่ใช่การกู้เงิน แต่เป็นการใช้เงินกู้ที่ผ่านมาของรัฐบาล รัฐบาลมีการใช้เงินกู้ไปแล้วเกือบ 1 ล้านล้านบาท โดยเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท มีงบด้านการสาธารณสุข 45,000 ล้านบาท แต่ปรากฎว่า เบิกจ่ายไปเพียง 21% หรือ 9,556 ล้านบาท
เช่น โครงการเตรียมความพร้อมด้านสถานพยาบาล วงเงิน 10,132 ล้านบาท เบิกจ่ายไปเพียง 1.8% หรือ 178 ล้านบาท โครงการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินจากการระบาด วงเงิน 1497 ล้านบาท เบิกจ่ายไปเพียง 8.5% หรือ 127 ล้านบาท จึงไม่แปลกที่การระบาดของโรคโควิดรอบ 3 จะมีความรุนแรง มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก
วิโรจน์ กล่าวว่า สำหรับการฉีดวัคซีนในประเทศไทยวันนี้ ฉีดเข็มแรกยังไม่ถึง 5% ฉีดครบ 2 เข็มเพียงแค่ 2% การฉีดวัคซีนยังล่าช้าอยู่มาก ส่งผลให้ธุรกิจการท่องเที่ยวได้รับความบอบช้ำ และตราบใดที่รัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมการระบาด และปล่อยให้เกิดการระบาดระลอกแล้วระลอกเล่า ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะแย่ไปถึงเมื่อใด
“เงินกู้ 1 ล้านล้าน เปรียบเสมือนโรงพยาบาลจันทร์โอชา ได้แค่ฉีดยาชาให้เฉยๆ แต่ไม่ยอมผ่าตัดรักษาให้ แถมลากเราไปเดินจนขาที่หัก ต้องตัดขาทิ้ง แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าจะขอเก็บเงินอีก 5 แสนล้าน เพื่อและวางยาสลบเราอีกรอบ แน่นอนว่าค่ารักษาอีก 5 แสนล้าน จำเป็นต้องจ่ายแน่ แต่ควรจะรักษาที่โรงพยาบาลอื่น ไม่ใช่โรงพยาบาลจันทร์โอชา”
วิโรจน์ กล่าวว่า รัฐบาลนี้ถลุงเงินกู้ไปแล้ว 1 ล้านล้าน และขาดสติปัญญาในการคำนึงถึงการใช้จ่าย ไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน ล้มเหลวในการกระจายความเสี่ยง จัดหาวัคซีน ฉีดวัคซีนล่าช้า กระจายวัคซีนอย่างเหลื่อมล้ำ
“แล้วยังมีหน้าไปโทษโรงพยาบาลว่าที่ต้องเลื่อนการฉีดวัคซีนเพราะโรงพยาบาลฉีดเร็ว จะปล่อยให้ลุงกู้ไปผลาญแล้วให้ลูกหลานตามใช้หนี้แบบนี้ไม่ได้ เงิน 5 แสนล้านต้องกู้ แต่รัฐบาลที่กู้ต้องไม่ใช่รัฐบาลนี้ นายกรัฐมนตรี ที่จะกู้ต้องไม่ได้ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
'ก้าวไกล' เดือดนายกฯยังเมินเข้าฟังประชุม ลุกนับองค์
เวลาประมาณ 18.30 น. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมยังไม่มานั่งในห้องประชุมสภาฯ ทั้งที่เดินทางมายังอาคารรัฐสภาแล้ว ลุกหารือว่า พล.อ.ประยุทธ์ มาสภาฯ แล้วแต่ยังไม่เข้าห้องประชุมสภาฯ แต่นายกฯ กลับไม่มาชี้แจงว่าเงินกู้ 5 แสนล้านบาทจะใช้จ่ายอย่างไร จะแอบไปฟังข้างหลังโดยจะหลบอยู่ข้างหลังอีกนานเท่าใด
"ถ้าเป็นอย่างนี้ขอนับองค์ประชุมครับ ขอผู้รับรองครับ"
ทั้งนี้ ศุภชัย โพธ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สองทำหน้าที่ประธานการประชุม ระบุว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เชื่อว่า นายกฯ ต้องมาชี้แจงแน่นอน ไม่ว่าจะอยู่บนบัลลังก์หรือหลังบัลลังก์ พร้อมขอให้ฟังการอภิปรายของ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่
ทว่า รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลย้ำว่าได้เสนอญัตตินับองค์ประชุมไปแล้ว ทำให้ ศุุภชัยย้ำว่า นับองค์ประชุมก็ได้แต่จะเสียเวลา พร้อมขอให้ใจเย็น และเชื่อว่านายกฯจะมาชี้แจงแน่นอน
จากนั้น วิโรจน์ย้ำว่า สภาฯ รอนายกฯ มาครึ่งชั่วโมงแล้ว หากพล.อ.ประยุทธ์มานั่งบนบัลลังก์ก็พร้อมถอนญัตตินับองค์ประชุม
ขณะที่ศุภชัย ย้ำว่าขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินมาขึ้นบัลลังก์แล้ว และกล่าวว่า "มีสมาชิกคิดถึงท่านนายกฯมาก"
โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้มาขึ้นบัลลังก์และรับฟังการอภิปราย แต่ วิโรจน์ยังใช้สิทธิประท้วง ทำให้ ศุภชัยตัดบทขอให้นั่งลงและรับฟังการอภิปรายของมิ่งขวัญ
นายกฯ ลุกแจงสภาฯอย่างดุเดือด เตือนฝ่ายค้านระวังพูดนอกสภามีปัญหาแน่
กระทั่งเวลา 19.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจงในที่ประชุมสภาฯ ระหว่างพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ว่า ยืนยันว่าตนเองให้ความสำคัญกับระบบรัฐสภา ให้เกียรติท่านเสมอ แต่ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ตนสะท้อนใจเรื่องการใช้คำพูด ควรเกิดขึ้นในสภาฯหรือไม่ที่ฉีกกระดาษ ตนไม่เคยเห็นในช่วงที่ผ่านมา จะดีขึ้นหรือแย่ลง แต่ตนก็เคารพอยู่ดี
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ไม่ว่า พ.ร.บ.งบฯ 65 ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.ก.เงินกู้ อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ข้อมูลอันเดิมชี้แจงไปแล้วก็ไม่ฟัง ขอให้ประชาชนติดตามด้วยว่า ส.ส.พูดใช่ความจริงหรือไม่ และคิดว่าอย่าดูถูกประชาชน จากอดีตที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ตนเกริ่นได้เท่านี้ก่อน ส่วนกรณีโรคโควิด-19 วันนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดจะจบเมื่อไร ก็ไม่มีใครตอบได้ รัฐบาลต้องเตรียมความพร้อม งบประมาณแม้จะไม่พอ แต่การบริหารสถานการณ์เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ใครเคยเป็นรัฐบาลก็รู้ยากง่ายแค่ไหนในการเบิกจ่าย แต่พยายามเร่งเต็มที่ และมีขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างเท่าไร แสดงว่าแต่ก่อนท่านไม่เคยทำ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้ทำอะไรโดยไม่ละเอียดรอบคอบ ประชุมไม่รู้กี่คณะทำงาน พอประชุมก็บอกช้า ไม่ทบทวนก็บอกทุจริต
"โชคดีในสภาฯ มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ถ้าพูดข้างนอกก็มีปัญหาเหมือนกัน พวกชอบพูดข้างนอกระวังด้วยละกัน ผมเอาข้อเท็จจริงมาสู้ท่าน ผมไม่ได้เอาเรื่องโกหกบิดเบือนมาสู้ท่าน ผมพูดไม่ได้ ผมเป็นคนหนึ่งถวายสัตย์ปฏิญาณแล้วว่าจะเป็นคนไม่พูดโกหก คนซื่อสัตย์สุจริต ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นั่นคือผม" นายกรัฐมนตรี ระบุ
ย้ำจีดีพีหดทุกประเทศ ลั่นไม่โง่กู้เงินมาทำเพดานหนี้พุ่งเกินกรอบ
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เรื่องจีดีพีหดตัวก็หดลงมีประเทศไหนไม่หดบ้าง สถานการณ์แบบนี้ทุกประเทศก็หด เรากำลังสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้มีรายได้ขึ้นมาให้มีอนาคต รัฐบาลที่ผ่านมานั้นทำแบบวันนี้บ้างไหม ทุกอย่างทำมา 5 ปี บวก 2 ปี ตนจำได้เข้ามาเจออะไรบ้าง รู้แก่ใจหมด การอนุมัติงบประมาณเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท มี 3 ยอด โดยมีการสลับงบกันได้ให้ใช้จ่ายได้คล่อง ทำไมรัฐบาลนี้ไม่มีการตรวจสอบ ตนไม่ถูก สตง.ตรวจสอบบ้างหรือ ขณะที่เศรษฐกิจลดลงแน่นอน ปี 2563 ลดร้อยละ 6.1 น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ 8.1 เราพยายามเต็มที่ทุกมิติ
"พอไม่อยู่ก็บอกว่าผมไม่ฟัง พูดแล้วพูดอีกคำเดิม จีดีพีลดลง หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ถามว่า กู้ 5 แสนล้านบาท กู้ทีเดียวหรือไม่ ดอกเบี้ยขึ้นตามนั้นใช่ไหม เป็นกฎหมายทุกตัว ผมไม่โง่กู้ 60% ให้ผิดกฎหมายหรอก"นายกรัฐมนตรี ย้ำ
นายกฯ ย้ำว่ากรณีวัคซีน รัฐบาลหาให้ได้เสมอ ฟังท่านถล่มแต่เช้าแต่ไม่เคยฟังตน ค่าเสี่ยงภัย ค่าวัคซีนก็มีไว้ให้ ถ้าไม่มีก็งวดสอง
โดยระหว่างการชึ้แจงของนายกรัฐมนตรี ขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ โดยผิดข้อบังคับการประชุมสภาฯ ที่ไม่ได้ตอบชี้แจง แต่ตอบคำถามไม่ให้เกียรติคนอภิปราย ขอให้ประธานเตือนและเปลี่ยนกิริยาการตอบคำถามของนายกฯ ที่นี่เป็นสภาผู้แทนราษฎรไม่ใช่คณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สองทำหน้าที่ประธานชี้แจงว่า การพูดจาของนายกฯ อาจไม่เหมือนสมาชิกบางท่าน ต้องเข้าใจบุคลิกแต่ละคน ตนฟังการประชุมมาตลอดพูดถึงนายกฯ หนักกว่านี้อีกหลายเท่า แต่ประธานก็ปล่อยให้ชี้แจง ยังไม่เห็นว่าผิดข้อบังคับการประชุมสภาฯ
จากนั้นนายกฯ ระบุว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็ขอโทษด้วย และระบุว่า เมื่อเช้าก็ไล่คนเหมือนหมูเหมือนหมา การรู้จักให้เกียรติต้องให้เกียรติคนอื่นบ้าง
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เรื่องวัคซีนสองยี่ห้อ ซิโนแวค ตนถามว่าสมัยนั้นให้อายุ 18 ปีเพราะทดลองกับอายุ 60 ปีจำนวนยังไม่เพียงพอจนยืนยันฉีดได้แล้ว และจะฉีดเด็ก ยืนยันติดต่อทุกบริษัท แต่จะขายให้เราหรือไม่ ก็ได้แอสตร้าเซนเนก้า ที่ฉีดอายุ 60 ปีขึ้นไป และยืนยันว่ามีประสิทธิภาพเท่าไร ฉีดกี่ล้านโดสแล้วในโลก จะยี่ห้ออะไรไม่สำคัญ ถ้ามีการรับรองตามมาตรฐาน
"อย่าเอาวัคซีนเป็นการเมือง ผมไม่เคยมองการเมืองเป็นการทำงานของผม ผมให้เกียรติการเมืองนี่คือระบอบประชาธิปไตยที่ทุกคนยอมรับ แต่การทำการเมืองอย่างเดียวมากๆ ก็ไปไม่ได้หรอกประเทศ" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า วันนี้ซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จะส่งไตรมาสสาม และยี่ห้อสปุตนิก โมเดอร์นาก็เตรียมไว้หมด แต่มีบริษัทตัวแทนติดต่อไว้หรือไม่ ตนไม่เคยเอาชีวิตคนมาเป็นของเล่น พร้อมย้ำว่า หนี้สาธารณะในปี 2557 หนี้สาธารณะมี 40กว่าเปอร์เซ็นต์ ตนทำขึ้นมาอีก 10 เปอร์เซ็นต์เกิดเม็ดงามเท่าไร ให้มองตรงนี้ และขอให้มาเทียบกับผลงานของท่าน
"ถึงผมเป็นนายกฯ ผมก็อดทนอย่างที่สุด ผมเคารพท่าน แต่ผมให้เกียรติท่านให้เกียรติเสมอ เมื่อเช้านั่งอยู่ในห้องนี้ ด่านายกฯ ออกสักที มันใช้เวลาหรือไม่ ท่านประธานก็ทำหน้าที่เต็มที่ เมื่อกี้ก็แถลงเอาผู้ต้องหามาแถลงในสภาฯ" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง