แต่ได้ระบุว่ามี ‘โครงข่าย’ ที่นำข้อมูลจากไทยส่งข้อมูลไปนอกประเทศ กำลังดำเนินคดีทางกฎหมายทางทางอาญาและแพ่งเพราะทราบแล้วว่าใคร แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นใคร
หากข้องใจก็ ‘เปิดหน้าชก’ ไม่ต้องมาเป็น ‘อีแอบ’ ให้มาพูดกันเลยดีกว่า ซึ่งตนมองว่าทำเป็น ‘ขบวนการ’ เพราะอยู่ดีๆเรื่องจะเป็นประเด็นได้อย่างไร แล้วทางออสเตรเลียก็ไปตีข่าว จึงเกิดคำถามว่า ‘ขบวนการ’ นี้คือใครกันแน่
เพียงข้ามคืน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาระบุว่า ตนเป็นคนประสานเรื่องส่งไปให้สื่อออสเตรเลีย แต่สื่อออสเตรเลียก็มีข้อมูลอยู่แล้ว เมื่อรัฐบาลไม่ทำ ตนในฐานะฝ่ายค้าน จึงต้องหาทางอ้อมในการตรวจสอบ
โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ให้ พล.ต.ท.วิศณุ ม่วงแพรสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ตั้งกระทู้ถามสด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ถึงความเหมาะสมในการแต่งตั้ง ร.อ.ธรรมนัส เป็นรัฐมนตรี ซึ่ง พล.ต.ท.วิศณุ ถูกยกให้เป็นมือขวาของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตั้งแต่สมัยเป็นนายตำรวจด้วยกัน ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ได้ไปตอบในสภาแทน นายกฯ
เปรียบได้ว่าเป็นศึกระหว่างรุ่นอีกครั้ง โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นรุ่นพี่ ตท.8
ส่วน ร.อ.ธรรมนัส เป็นรุ่นน้อง ตท.25 แม้จะต่างเหล่ากัน แต่ก็มาจาก ร.ร.เตรียมทหาร แต่รุ่นถือว่าห่างหันมาก เมื่อเทียบกับกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กับ พล.อ.ประยุทธ์ ตท.12 ที่เคยมีวาทะ ‘ตัดพี่ตัดน้อง’ กันกลางสภามาแล้ว เมื่อครั้งรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภา
จึงต้องดูต่อไปว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะหยุดแค่นี้หรือไม่ หลัง ร.อ.ธรรมนัส ประกาศไว้แล้วว่าต่อไปนี้ใครมาพูดถึงอดีตของตน จะดำเนินคดีทางกฎหมาย พร้อมลั่น ‘เป็นลูกผู้ชาย’ ที่อยู่กับความเป็นจริง หลังสื่อถามว่าจะลาออกหรือไม่
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ก็ระบุว่า เรื่องนี้ ร.อ.ธรรมนัส ต้องไปแก้ปัญหา พร้อมเชื่อว่าไม่กระทบภาพลักษณ์รัฐบาล เพราะเป็นเรื่องเก่า และ ร.อ.ธรรมนัส บอกว่าเคลียร์เรียบร้อยแล้ว เป็นเรื่องของคนคนเดียว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศ ที่สำคัญมีการปล่อยตัวมาแล้ว
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ปฏิเสธการตอบคำถามนี้ เพราะชี้แจงหลายรอบแล้ว ถือว่าจบแล้ว ไม่ใช่ใครพูดอะไรมาก็มาถามนายกฯ แล้วเอาไปสานต่อ พร้อมตอบโต้กับกระแสวิจารณ์ว่ารัฐบาลมี ‘ตำหนิ’ ในเชิงยอมรับด้วย
“ผมถามว่ารัฐบาลอื่นไม่มีหรือ ก็มีตำหนิกันทุกรัฐบาลนั่นแหละ กฎหมายเขียนไว้อย่างไร กระบวนการตรวจสอบ กระบวนการทางยุติธรรม หากยังไม่เสร็จสิ้นต้องรอผลตรงนั้น เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ในวันนี้มีขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติ ถ้าผิดก็มีผลย้อนหลังไปทุกเรื่องที่ค้างคาอยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2562
“อ้าว ผมก็เป็นคนคัดคนเข้ามา เพราะมีคนเสนอเข้ามา แต่ทั้งหมดได้ผ่านกลไกการตรวจสอบคุณสมบัติคุณสมบัติ ก็จบลงแค่นั้น ผมจบแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเมื่อวันที่ 12ก.ย.62
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสถึงชื่อ ร.อ.ธรรมนัส ตั้งแต่รัฐบาลยังจัดตั้งไม่เสร็จ เพราะเคยปฏิเสธไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะเกรงว่าจะไม่มีเวลาดูแลพื้นที่ภาคเหนือของพรรค ซึ่งในขณะนั้นก็มีการรายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส จะส่ง ‘อัครา พรหมเผ่า’ น้องชายที่เป็น รองนายก อบจ.พะเยา มานั่งเป็นรัฐมนตรีแทน แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปตามนั้น เมื่อ ร.อ.ธรรมนัส ผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด เดินออกมาอยู่เบื้องหน้าแทน พร้อมกระแสโจมตีเรื่องคุณสมบัติ จนต้องมายืนแถลงข่าวถึงเรื่องคดีในอดีตและการใช้ยศทหาร ‘ร้อยเอก’ ที่รัฐสภามาแล้ว พร้อมกับทรงผมทรงใหม่ที่ ‘เป๊ะ’ กว่าเดิม
หากสังเกตจะพบว่าสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามเน้นจึงเป็นเรื่องการ ‘ตรวจสอบคุณสมบัติ’ ที่ผ่านมาแล้ว จนมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ที่มาทั้ง ‘ตำแหน่งรัฐมนตรี’ และ ‘ยศร้อยเอก’ จึงเป็นสิ่งมองกันว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้ผ่าน ‘ด่านสำคัญ’ มาแล้ว จึงทำให้ประเด็นเรื่องในอดีตและยศทางทหารถูกเพ่งเล็งลดลงช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จนกลับมาเป็นข่าวอีกครั้งในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็สะเทือนไปถึง พล.อ.ประวิตร เช่นกัน เพราะ ร.อ.ธรรมนัส เปรียบเป็น ‘มือขวา’ อีกทั้งยังเป็น ‘มือประสานสิบทิศ’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีส่วนในการจัดตั้งรัฐบาล ผ่านภารกิจ ‘ว.5’ ทั้งการเคลียร์ใจคนในพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงพรรคเล็กต่างๆ ที่ก็ถูกสยบลงไป
แต่กลับมามีคลื่นซัดอีกครั้งหลัง ร.อ.ธรรมนัส ไปกล่าวว่าตนเปรียบเป็น ‘คนเลี้ยงลิง ให้กล้วยลิงกิน’ ทำให้บางพรรคเล็กไม่พอใจ โดยเฉพาะ ‘พิเชษฐ สถิรชวาล’ หน.พรรคประชาธรรมไทย ที่ประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ไปเป็นฝ่ายค้านอิสระแทน แม้ ร.อ.ธรรมนัส จะขอโทษพรรคเล็กแล้วก็ตาม ว่าไม่ได้มีเจตนา ไปเปรียบเทียบว่าเป็นลิงหรือเป็นสัตว์อะไร
อย่างไรก็ตามการเป็นทั้ง ‘มือขวา-มือประสานสิบทิศ’ ของ ร.อ.ธรรมนัส กับ ‘2ป.บูรพาพยัคฆ์’ เมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็ย่อมกระเทือนกันกันทุกฝ่าย ซึ่งที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ก็ผ่านบทพิสูจน์ใจมาแล้วในภารกิจต่างๆ ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส มีบทบาทและบารมีในพรรคและรัฐบาลไม่น้อย จนมีชื่อชิงนั่งเลขาธิการพรรคคนใหม่ หากมีการปรับโครงสร้างในอนาคต
เรียกได้ว่า ร.อ.ธรรมนัส ถือเป็น ‘จุดแข็ง - จุดอ่อน’ ในตัวเอง เพราะเรื่องราวในอดีตที่สังคมยังไม่เคลียร์และถูกปลุกได้อยู่ตลอด ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส เคยกล่าวถึงสาเหตุของการถูกโจมตีในครั้งแรกว่าตนเปรียบเป็น ‘เส้นเลือดใหญ่’ ที่หล่อเลี้ยงหัวใจของรัฐบาล
“หากล้มผมได้รัฐบาลก็สั่นคลอน เพราะหลายเรื่องที่ได้ประสานงานไว้นั้นถือเป็นความลับที่ตนรู้เพียงคนเดียว เขารู้ว่าตนเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่จะเอาเลือดไปหล่อเลี้ยงในหัวใจของรัฐบาล จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อล้ม” ร.อ.ธรรมนัส กล่าวเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2562
เรียกได้ว่าเวลานี้ ร.อ.ธรรมนัส จึงเป็น ‘ตำบลกระสุนตก’ คนใหม่
ด้วยบทบาทและบารมีที่มี แม้ ร.อ.ธรรมนัส จะประกาศกลางสภา จะไม่ยอมให้อดีตมาทำลายอุดมการณ์ชีวิตที่เหลือของตนจะทำงานเพื่อบ้านเมือง จะไม่ยอมอยู่กับเรื่องเก่าๆ ที่เหมือนเป็นฝันร้าย และฝันร้ายจะต้องหายไป
แต่เพียงแค่ 1 วัน ฝันร้ายเรื่องใหม่ก็ปะทุขึ้นมา หลังพรรคเสรีรวมไทย
เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ออกมาจุดประเด็นเรื่อง ‘วุฒิการศึกษา ป.เอก’ ขึ้นมา กลายเป็นประเด็นสืบเนื่องต่อไป เป็นอีก ‘มหากาพย์’ ต่อจากปม ‘ถวายสัตย์ฯ’ ที่ใกล้ถึงตอนจบแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง