นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุว่าด้วยเรื่องโครงสร้างภาษี เมื่อวาน 19 ก.ค. 2562 ผมเข้าทำงานที่กระทรวงการคลังเป็นวันแรก มีผู้มาแสดงความยินดีหลายท่าน จึงขอขอบคุณทุกท่านที่มาให้กำลังใจ โดยเฉพาะคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ คุณอนุชา นาคาศัย
วันเดียวกันนี้ ผมได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยใจความสำคัญคือ กระทรวงการคลัง จะเร่งกระตุ้นและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจประเทศอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจฐานราก ทั้งการเกษตร และเอสเอ็มอี
ขณะเดียวกันการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ก็เป็นนโยบายเร่งด่วน เช่นโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผมยืนยันว่าจะได้รับการสานต่อ เพราะเป็นโครงการที่ดี และประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการการเงินการคลัง ต้องคำนึงถึงวินัยการคลัง พูดภาษาชาวบ้านก็คือ รัฐบาลต้องใช้เง���นทุกบาททุกสตางค์อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และต้องพิจาณาควบคู่ไปกับการจัดหาเงินรายได้ด้วย ซึ่งจะเป็นแนวทางในการบริหารจัดการแบบยั่งยืน
ในการแถลงข่าว มีผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายการปรับลดภาษีบุคคลธรรมดา ว่า หากคำนึงถึงวินัยการคลังแล้ว นโยบายดังกล่าวจะต้องเลื่อนไปใช่หรือไม่ กระทั้งมีข่าวบางส่วนออกไปว่า ผมจะไม่ดำเนินการเรื่องนี้แล้ว ซึ่งไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้ผมขออธิบายเพิ่มว่า นโยบายด้านภาษีของพลังประชารัฐที่หาเสียงไว้ ไม่ได้หมายถึงการลดภาษีเป็นตัวเงินตรงๆ แต่หมายถึงการทบทวนโครงสร้างภาษี เพราะว่ามีความเหลื่อมล้ำสูงอยู่ เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล กับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่มีอัตราจัดเก็บห่างกันพอสมควร คือ 35 % กับ 25% จึงควรปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม ซึ่งต้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาในรายละเอียดร่วมกัน
ผมขอย้ำว่า การปรับโครงสร้างภาษี จะได้รับการพิจารณาอย่างแน่นอน และโดยส่วนตัวก็ให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำ อัตราที่ห่างกันระหว่างภาษีบุคคลธรรมดา กับนิติบุคคล ควรลดลง แต่การดำเนินการทั้งหมดทั้งมวล จะอยู่ภายใต้กรอบแนวคิดการบริหารการเงินการคลังอย่างมีวินัย และเน้นประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ประชาชนและประเทศชาติได้ประโยชน์อย่างยั่งยืนครับ