ไม่พบผลการค้นหา
ที่ประชุมสภาฯ มีมติเอกฉันท์ ผ่าน พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

วันนี้ (28 พ.ค.2568) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเอกฉันท์ อนุมัติ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ

โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นของร่าง พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับ ว่า ปัจจุบันมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่บังคับใช้ทางกฎหมายยังมีไม่เพียงพอต่อรูปแบบของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ได้มีการพัฒนาขึ้นของกลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องเร่งพัฒนาแก้ไขปรับปรุง กฎหมายปัจจุบันให้ทันสมัย เหมาะสมและครอบคลุมกับสถานการณ์ในยุคดิจิทัล ที่อาชญากรรมทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นได้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย การอายัดบัญชีม้า การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงินและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมายผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นต้น

ดังนั้น การเร่งออกมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพื่ออุดช่องว่างที่เกิดขึ้นจากความเสียหายแก่ประชาชนและระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่ถูกมิจฉาชีพทางออนไลน์หลอกลวงให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

ด้าน พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ที่ปัจจุบันศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนอกราชอาณาจักร แต่ให้บริการแก่บุคคลซึ่งอยู่ในราชอาณาจักร ยังไม่มีการควบคุมตาม พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้มีการนำเงินที่ได้จากการทำผิดจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีไปซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าว ส่งผลต่อการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการตรวจสอบและการระงับการทำธุรกรรม รวมถึงการติดตามและการนำเงินคืนแก่ผู้เสียหายทำได้ยาก สมควรที่จะให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งประกอบธุรกิจอยู่นอกราชอาณาจักรต้องได้รับอนุญาตตาม พ.ร.ก.ฉบับนี้

ทั้งนี้ สส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ผลัดเปลี่ยนกันอภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่สะท้อนความจำเป็นในการออก พ.ร.ก. ทั้ง 2 ฉบับ ที่จะช่วยป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการใช้บริการโทรศัพท์หรือโทรคมนาคม ตลอดจนการทำธุรกรรมด้านการเงิน รวมถึงกรณีที่ประชาชนเป็นผู้เสียหายจะได้รับการช่วยเหลือและติดตามเส้นทางการเงินเพื่อนำเงินมาคืนได้อย่างรวดเร็ว และจะทำให้หน่วยงานเอกชนเกิดระมัดระวังในการปฎิบัติหน้าที่ในการเยียวยาผู้เสียหายได้ 

ภายหลังการอภิปรายเสร็จสิ้น ที่ประชุมมีมติอนุมัติ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ด้วยคะแนนเสียง 452 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 2 เสียง พร้อมมีมติอนุมัติ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ด้วยคะแนนเสียง 453 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 2 เสียง