ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมหรือ พีมูฟ กว่า 600 คน ปักหลักชุมนุม หน้าทำเนียบรัฐบาลเป็นวันที่ 3 เพื่อให้รัฐบาลในฐานะผู้มีอำนาจ เร่งรัดติดตาม แก้ไขปัญหา ตามที่ได้เรียกร้องทั้ง 3 กรณี
นายดิเรก กองเงิน ผู้ประสานงานพีมูฟ เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมวันนี้ เพื่อขอให้รัฐให้การคุ้มครองพื้นที่ชุมชน ที่ยื่นเสนอขอใช้สิทธิที่ดินตามนโยบายโฉนดชุมชนทั้ง 486 ชุมชน ให้ชุมชนสามารถใช้ชีวิตทำมาหากินตามปกติ ในระหว่างรอแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาว
รวมถึงการปรับเกณฑ์การสนับสนุนงบประมาณโครงการบ้านมั่นคงจากเดิมหน่วยละ 8 หมื่นเป็น 1 แสนบาทเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน และ การจ่ายค่าชดเชยกับผู้ได้รับผลกระทบการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยฝั่งแดง จังหวัดอุบลราชธานี นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกันของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีความคืบหน้าและไม่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาลปัจจุบันที่อยู่ระหว่างการเลือกตั้ง ปัญหาต่างๆ กลับอยู่ในวังวนแบบเดิม และมีความเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิ์ ยกเลิกข้อตกลงอันเกิดจากกฎหมายและนโยบายของรัฐที่ไม่เป็นธรรม กระทบกับวิถีชุมชนซึ่งที่ดินทำกินอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเขตสงวนคุ้มครองสัตว์ป่าฉบับของ สนช.ที่ผูกขาดอำนาจรวมศูนย์เบ็ดเสร็จไว้ที่ระบบราชการ
พร้อมย้ำว่ากรณีร่างพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติและร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฉบับที่ สนช.กำลังพิจารณามีเนื้อหาทำลายหลักการสิทธิชุมชนคนอยู่กับป่าทำลายวิถีชุมชนที่รักษาป่ามายาวนาน จึงขอให้นายกมนตรี ทบทวนร่างพ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับออกจากการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยทันที
นายดิเรกเปิดเผยด้วยถึงกรณี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาพูดถึงการเคลื่อนไหวของคนจนว่าโหวกเวกเสียงดังว่า ถ้าคนจนไม่มาเรียกร้อง ไม่มาติดตาม ก็จะไม่ได้รับการตอบรับ และเห็นว่าหากรัฐบาลมีความจริงใจจะสามารถแก้ไขได้ แต่เมื่อรัฐบาลแก้ปัญหาให้ประชาชนอาจกระทบกับผลประโยชน์ของคนไม่กี่คน แต่เป็นกลุ่มคนที่มีผลประโยชน์มหาศาล
ทั้งนี้ยอมรับว่าน้อยใจที่นายกรัฐมนตรีลั่นวาจาแบบนั้นออกมาและเห็นว่า คำพูดเช่นนี้ถือว่าตนเองเป็นคนระดับชั้นสูงหรือไม่
"คำพูดนี้ถูกต้องหรือไม่ คำพูดเช่นนี้ ทำให้ชาวบ้านเราเสียใจมาก ถ้าแก้ปัญหาแล้วเราจะมาทำไม และแม้จะพยายามดำเนินการทุกช่องทางแล้วแต่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข" นายดิเรก กล่าว