ไม่พบผลการค้นหา
23 องค์กรนิสิต นักศึกษาออกแถลงการณ์ปฏิเสธคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ด้อยค่าระบอบประชาธิปไตย ย้ำสิ่งที่ได้กลับคืนมีเพียงสิ่งเดียว คือไฟโลกันตร์แห่งการต่อสู้ของประชาชนที่ไม่อาจควบคุมได้

วันนี้เพจเฟสบุ๊ค สภานักศึกษา มหาวิทยลัยธรรมศาสตร์ ได้เผยแพร่ แถลงการณ์ร่วมของ 23 องค์กรนิสิต นักศึกษา เรื่องปฏิเสธคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ตรามที่ปรากฎว่าวันที่ 10 พ.ย. 2564 เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วย 

1.วรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ 

2.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 

3.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 

4.ปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 

5.อุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 

6.วิรุฬ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 

7.จิรนิติ หะวานนท์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 

8.นภดล เทพพิทักษ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 

9.บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 

ได้อ่านคำวินิจฉัยคำร้องของ คุณณฐพร โตประยูรที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กรณีการปราศรัยชุมนุมทางการเมืองเมื่อปลายปี 2563 ของผู้ถูกร้องทั้งสามได้แก่ คุณอานนท์ นำภา . คุณภาณุพงศ์ จาดนอก และ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยระบุว่า “การชุมนุมและการปราศรัยของผู้ถูกร้องทั้งสามมีเจตนาทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์โดยชัดแจ้ง เป็นการซัดกร่อนบ่อนทำลายการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการปลุกระดมก่อให้เกิดความวุ่นวายและความรุนแรงในสังคม เป็นการกระทำใดๆ ที่มีเจตนาเพื่อทำลาย หรือเพื่อทำให้สถาบันกษัตริย์ต้องสิ้นสลายไป และมีการใช้สิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็นโดยไม่สุจริต มีเจตนาซ่อนเร้นเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขมิใช่ปฏิรูป ศาลรัฐธรรมนูญสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสาม รวมทั้งกลุ่มองค์กรเครือข่ายเลิกการกระทำดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต” นั้น

องค์กรนักศึกษาทั้ง 23 แห่ง ขอปฏิเสธกระบวนการไต่สวนที่ไม่เป็นธรรมและคำวินิจฉัยของศาล โดยขอยืนยันว่า 10 ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ของผู้ถูกร้องทั้งสามนั้น เป็นข้อเสนอที่จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ของราชอาณาจักรไทยคงอยู่สถาพรในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างสง่างามสมกับพระเกียรติยศที่สมเด็จบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าทรงดำรงไว้ตั้งแต่ครั้นอดีต ผู้ถูกร้องทั้งสามและผู้ชุมนุมเพียงหวังให้สถาบันพระมหากษัตริย์ปราศจากมลทินและข้อครหาที่จะทำให้พระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เสื่อมเสีย

สำหรับเหตุผล 5 ประการ ในการขอปฏิเสธกระบวนการไต่สวน ได้แก่

1. ผู้ถูกร้องทั้ง 3 มิได้รับโอกาสขอไต่สวนเพิ่มเติมจากศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสู้คดีและแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อศาล ด้วยการสั่งงดการไต่สวนโดยอ้างว่าพยาน หลักฐาน ข้อเท็จจริงเพียงพอต่อการวินิจฉัยแล้ว อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญยังยกคำร้องขอเบิกตัวคุณอานนท์ นำภา และคุณภาณุพงศ์ จาดนอก ซึ่งขณะนี้ทั้งสองท่านยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ฉะนั้นจึงมิอาจเรียกได้ว่ากระบวนการไต่สวนในครั้งนี้เป็นกระบวนการอันสถิตไว้ซึ่งความยุติธรรม

2. ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น ยึดถือหลักการที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง คือ The king can do no wrong พระมหากษัตริย์จะทรงกระทำผิดมิได้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกการกระทำของพระมหากษัตริย์ถูกต้องเสมอ เพราะพระองค์จะทรงมีพระราชอำนาจในการกระทำอันใดจำกัดเท่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เนื่องจากพระมหากษัตริย์จะต้องทรงดำรงพระองค์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและดำรงพระราชสถานะเป็นประมุขของประเทศ ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ จุดมุ่งหมายมิใช่เพื่อหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์ หากแต่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและถกเถียงถึงมูลเหตุแห่งการเสื่อมพระเกียรติ และช่วยส่งเสริมให้สถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยธำรงไว้อย่างมั่นคงและสมพระเกียรติยศ

3. ถ้อยวลีของคำว่า ‘ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข’ ในประเทศไทยนั้น ถูกปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2492 อันเป็นผลพวงมาจากการรัฐประหารปี 2490 ดังนั้น เหตุผลการวินิจฉัยของศาลที่อ้างว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2475 ได้บัญญัติให้เรียกระบอบการปกครองว่า ‘เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข’ จึงไม่อาจเชื่อถือได้

4. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ สะท้อนถึงเจตนารมณ์ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยมาโดยตลอด เพียงแต่ผู้ใช้อำนาจนั้นคือพระมหากษัตริย์ ผ่านกลไกภายใต้รัฐธรรมนูญ มิได้สะท้อนว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของพระมหากษัตริย์ ดังนั้นเหตุผลการวินิจฉัยของศาลที่อ้างถึงประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทยตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัยจึงไม่สมเหตุสมผล

5. การเคลื่อนไหวทางการเมืองและการชุมนุมของผู้ถูกร้องและประชาชนชาวไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมอันได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ปราศจากเจตนาที่จะล้มล้างการปกครองของประเทศ มิใช่เป็นการกระทำอันก่อให้เกิดการรัฐประหารเฉกเช่นในอดีตที่ผ่านมา

ฉะนั้นการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นการด้อยค่าสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และทำให้ประชาชนหมดสิ้นศรัทธาที่มีต่ออำนาจตุลาการและวงการนิติศาสตร์ประเทศไทย 

เมื่อลมวสันตฤดูแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดพามาสู่ดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้แล้ว ท่านมิอาจสร้างกำแพงขวางกั้นลม มิเช่นนั้นกระแสลมนี้จะทวีความรุนแรงเป็นพายุที่พัดพาเศษซากศักดินาล้าหลังคร่ำครึให้พากันพังทลายลงไปทั้งระบบเมื่อเลือดราษฎรที่ถวิลหาประชาธิปไตย ถูกทำให้หลั่งลงบนผืนแผ่นดินนี้ สิ่งที่ท่านได้กลับมาจะมีเพียงสิ่งเดียว คือไฟโลกันตร์แห่งการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน จะลุกโชนขึ้นอย่างควบคุมมิได้ และสุดท้ายประชาชนจะเป็นสถาบันเดียวที่คงอยู่สถาพรในแผ่นดินนี้ชั่วกัลปาวสาน

แถลงการณ์ 23 องค์กรนักศึกษา.jpeg


องค์กรนิสิต นักศึกษาที่ร่วมแถลงการณ์มีดังนี้

1. กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อเยาวชน ภาคเหนือตอนล่าง

2. กลุ่มนิสิต พรรคชาวดิน

3. คณะกรรมการกลางบริหาร องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (10 ตำแหน่ง)

4. แนวร่วมนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อประชาธิปไตย

5. พรรคก้าวใหม่

6. พรรคโดมปฏิวัติ

7. พรรคป๋วยก้าวหน้า

8. พรรคเสรีธรรมศาสตร์

9. พรรคแสงโดม

10. สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น

11. สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

12. สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่โจ้

13. สภานักศึกษา องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี

14. สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

15. สโมสรนักศึกษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

16. สโมสรนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

17. องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

18. องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

19. องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่โจ้

20. องค์การนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร

21. องค์การนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

22. องค์การบริหาร องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

23. องค์การบริหาร องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตร์ศาสตร์ บางเขน