ไม่พบผลการค้นหา
วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียประกาศว่า กองทัพรัสเซียจุดหยุดการยิงถล่มเมืองมารีอูปอลของยูเครนที่กำลังถูกรัสเซียล้อมเอาไว้ลงต่อเมื่อกองทัพของยูเครนประกาศยอมแพ้เท่านั้น

มารีอูปอลยังคงถูกกองทัพรัสเซียยิงถล่มด้วยจรวด เนื่องจากเมืองดังกล่าวเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่จะเชื่อมพื้นที่ไครเมียซึ่งรัสเซียยึดไปจากยูเครนเมื่อปี 2557 เข้ากับพื้นที่ดอนบาสซึ่งเป็นที่ตั้งของโดเนตสค์และลูฮันสค์ของยูเครน ซึ่งถูกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่มีรัสเซียให้การหนุนหลังเข้าครอบครอง อันจะส่งผลให้การปลอดแอกดอนบาสตามคำประกาศของรัสเซียดำเนินไปตามแผนได้

คำพูดดังกล่าวของปูตินที่ว่ารัสเซียจะหยุดถล่มเมืองมารีอูปอลลงต่อเมื่อกองทัพยูเครนประกาศยอมแพ้ เกิดขึ้นระหว่างการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ของประธานาธิบดีรัสเซียกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส โดยคำยืนกรานของปูตินได้รับการยืนยันจากแถลงการณ์ของทางการรัสเซียอีกครั้งในภายหลัง

อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ปูตินตกลงที่จะ “พิจารณา” แผนการอพยพประชาชนออกจากเมืองมารีอูปอลในขั้นเบื้องต้น โดยรัสเซียยังได้เสนอการหยุดยิงในเมืองมารีอูปอลเป็นเวลาหนึ่งวันในวันนี้ (31 มี.ค.) ตั้งแต่เวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยจะเปิดทางอพยพไปยังซาโปริซเซียผ่านทางท่าเรือที่รัสเซียเข้าควบคุมเอาไว้อย่างเบอร์เดียนสค์

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่าจะมีการเปิดให้สภากาชาดและตัวแทนด้านผู้อพยพจากสหประชาชาติเข้าร่วมภารกิจอพยพประชาชนออกจากเมืองมารีอูปอลด้วย อย่างไรก็ดี ทางการรัสเซียอ้างว่าตนยังรอการตอบกลับข้อเสนอจากทางการยูเครนอยู่

ความพยายามในการในการอพยพประชาชนออกจากเมืองมารีอูปอลรอบก่อนประสบกับความล้มเหลว หลังจากเกิดความไม่ไว้วางซึ่งกันและกัน ในขณะที่มีรายงานว่าทางการรัสเซียยังคงเดินหน้ายิงถล่มเมือง ถึงแม้จะมีการตกลงในการเปิดระเบียงมนุษยธรรมเพื่อการอพยพ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ารัสเซียได้บังคับประชาชนชาวยูเครนนับพันรายให้อพยพมุ่งหน้าไปยังฝั่งรัสเซียและตะวันออกของยูเครนแทนฝั่งตะวันตกของยูเครน

ปูตินระบุกับทางมาครงว่าจะ “เก็บไปคิด” ถึงแผนข้อเสนอในการเปิดทางอพยพให้ประชาชนชาวมารีอูปอลเดินทางออกจากเมืองอย่างปลอดภัย ยังไรก็ดี ยังไม่มีรายงานการรับรองจากทางการรัสเซียและคำพูดของปูตินถึงการอพยพประชาชนยูเครนออกจากมารีอูปอลที่แน่ชัดเกิดขึ้นแต่อย่างใด มีเพียงแต่การยืนกรานว่ากองทัพยูเครนจะต้องยอมสละมารีอูปอลเท่านั้น

ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-europe-60926470