7 รัฐมนตรีที่รับผิดชอบโครงการไทยนิยมยั่งยืน นำโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แถลงความคืบหน้าโครงการดังกล่าว โดยย้ำทุกกระทรวง ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานความร่วมมือและพิจารณา จนวันนี้ลงพื้นที่สำรวจความต้องการ และรับทราบปัญหาของประชาชนแล้ว 3 ครั้ง ขณะนี้เป็นช่วงการลงพื้นที่ครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย โดยขณะนี้เป็นช่วงการพิจารณาอนุม้ติโครงการที่แต่ละหมู่บ้านชุมชน ทั่วประเทศเสนอ

อย่างไรก็ตาม งบประมาณที่หมู่บ้านจะได้หมู่บ้านละ 200,000 บาท พร้อมแล้ว ทั้งนี้หลังคณะกรรมการพิจารณาระดับอำเภอและจังหวัด อย่างรอบคอบ เงินก็จะเข้าบัญชีคณะกรรมการหมู่บ้านทันที ภายในเดือนพ.ค.นี้ ผ่านโครงการที่แต่ละกระทรวงรับผิดชอบ อาทิ การเกษตรการท่องเที่ยว ที่ เชื่อมโยงกับสินค้าโอทอป โครงการกองทุนหมู่บ้าน และบัตรประชารัฐ เพื่อเร่งสร้างการพัฒนาตนเองของประชาชน

ทั้งนี้ รัฐบาล ยืนยัน โครงการไทยนิยม เป็นการสร้างความเข้มแข็งสร้างรายได้ กระจายรายได้ สามารถต่อยอดในอนาคตให้ประชาชน ซึ่งการบริหารจัดการการใช้เงินการตรวจสอบมีความรอบคอบ และต้องตรงไปตรงมา รวมทั้งในการทำงาน จะนำข้อมูลความต้องการของประชาชน ที่สะท้อนผ่านทีมงานกว่า 7,000 ทีมรวบรวมเพื่อประกอบในการพัฒนาพื้นที่ต่อไปในอนาคต รวมทั้งจะมีการพัฒนาให้ความรู้ด้านโครงสร้างทางกฎหมายเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชนได้รับทราบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นการวางรากฐานที่เข้มแข็งในระยะยาวต่อไป

ด้าน นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า งบประมาณในโครงการไทยนิยมยั่งยืนของกระทรวงเกษตรฯ จำนวน 24,000 ล้านบาท โดยกระทรวงได้ลงพื้นที่สำรวจปัญหาและความต้องการของประชาชนและเกษตรกร ในช่วง2 เดือนที่ผ่านมา โดยได้เตรียมจัดสรรงบประมาณเน้นการสร้างอาชีพให้กับเกษตรกรใน 3 ด้าน คือ ด้านพืช ด้านสัตว์ และด้านการประมง รวม 21 โครงการ พร้อมกันนี้ ได้จัดสรรงบเพื่ออุดหนุนสถาบันการเกษตรกรทอสหกรณ์การเกษตร รวม203 ราย และการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกการเกษตร ทั้งในเขตและนอกเขตชลประทาน ซึ่งจะใช้งบประมานรวม 1,300 ล้านบาท

ทั้งนี้กลุ่มเกษตรกรเป้าหมายเพื่อพัฒนาอาชีพ เมื่อคัดแยกจากทะเบียนราษฎร์ จำนวน 3.6 แสนราย โดยจำนวนนี้สนใจร่วมโครงการอบรมเกษตรกร 2.1แสนราย โดยจะมีการคลิกออฟ โครงการอบรมเกษตรกร พร้อมกันในวันจันทร์27 พค.นี้