มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ประกาศผ่านโพสต์บนบัญชีเฟซบุ๊กของตัวเองในวันนี้ว่าเฟซบุ๊กกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยจะลดความสำคัญของการสื่อสารจากแฟนเพจทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นบุคคล, กลุ่มธุรกิจ, สินค้า, บริษัท หรือสำนักข่าวต่างๆ ทำให้โพสต์จากผู้ใช้งานที่เป็นแฟนเพจปรากฎบนนิวส์ฟีดน้อยลง แล้วจะมาให้ความสำคัญกับโพสต์ของผู้ใช้งานทั่วไปให้มากขึ้น เพื่อทำให้การใช้งานเฟซบุ๊กกลับมามีความหมายด้วยการเป็นสื่อที่ใช้เชื่อมโยงเพื่อนและครอบครัวให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น 

โดยซักเคอร์เบิร์กบอกว่า เขาสร้างเฟซบุ๊กขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนสามารถเชื่อมต่อกับคนที่มีความหมายและสำคัญในชีวิตของเรา อย่างเพื่อนและครอบครัว ซึ่งผลสำรวจทางวิทยาศาสตร์ก็แสดงให้เห็นด้วยว่าการได้พบเจอ พูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัวผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้คนเรามีความสุขมากขึ้น แต่ว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมา บนนิวส์ฟีดของเฟซบุ๊กกลับเต็มไปด้วยเนื้อหาข่าว โฆษณาสินค้า และการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องต่างๆ ทำให้แทบจะไม่เห็นโพสต์ของคนที่เรารู้จักจริงๆ แล้วการอ่านเนื้อหาข่าวที่เข้ามาเรื่อยๆ และมีข้อมูลล้นจนเกินไป จะก่อให้เกิดความเครียด แม้แต่การดูวิดีโอที่มีเนื้อหาตลกที่อาจจะทำให้ผู้ใช้งานหัวเราะได้ แต่ก็ก่อให้เกิดพฤติกรรมเสพติดที่ผู้ใช้งานจะต้องดูวิดีโอพวกนี้ตลอดเวลา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี 

ซักเคอร์เบิร์กยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้ผู้ใช้งานแต่ละคนลดเวลาในการใช้เฟซบุ๊กน้อยลง ในช่วงแรกๆ แต่เขาก็ยอม โดยคาดหวังว่าแม้ผู้คนจะใช้งานเฟซบุ๊กน้อยลง แต่ก็จะมีความสุขมากขึ้น และแสดงความเชื่อมั่นว่าในระยะยาวแล้ว เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ใช้งาน รวมทั้งบริษัทหรือธุรกิจต่างๆที่ใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์สินค้าของตัวเอง เพราะถ้าผู้ใช้งานรู้สึกมีความสุขเมื่อใช้เฟซบุ๊ก ธุรกิจต่างๆที่อยู่ในเฟซบุ๊กก็จะได้ประโยชน์ในระยะยาวตามไปด้วย 

การประกาศเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้มีขึ้นหลังจากที่เฟซบุ๊กถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สามารถจัดการปัญหาการแพร่ระบาดของข่าวปลอมได้ และยังทำให้ผู้ใช้งานมีพฤติกรรมเสพติดการอ่านข้อมูลบนเฟซบุ๊กจนขาดการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง โดยเฉพาะกับเด็กๆ ถ้าเด็กใช้เฟซบุ๊กที่เต็มไปด้วยข่าวสารและข้อมูลที่ไม่มีการคัดกรองมากเกินไป ก็จะทำให้เด็กขาดทักษะการเข้าสังคม และยังทำให้เกิดความเครียด และก็เสี่ยงต่อการถูกคนแปลกหน้าล่อลวงด้วย

ภาพ: AP