นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์อำลาตำแหน่งหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งปลดเขาแบบฟ้าผ่าเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา โดยในการกล่าวอำลาครั้งนี้ นายทิลเลอร์สันพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ระบุว่าที่ผ่านมามีความสำเร็จครั้งสำคัญเกิดขึ้นมากมายในด้านนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์กับจีน หรือการพยายามเจรจาเพื่อยับยั้งโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

อย่างไรก็ตาม นายทิลเลอร์สันย้ำว่ายังมีงานอีกมากที่ต้องทำให้สำเร็จ โดยภารกิจที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลสหรัฐฯก็คือการจัดการกับพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของรัสเซีย ทิลเลอร์สันเตือนว่ารัฐบาลรัสเซียจะต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าการกระทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนรัสเซียเองและประชาคมโลก เพราะการที่รัฐบาลโดดเดี่ยวตนเองมากขึ้นเรื่อยๆเช่นนี้ จะไม่ส่งผลดีต่อใครทั้งสิ้น รวมถึงรัสเซียเอง

นายทิลเลอร์สันจะก้าวลงจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มีนาคมนี้ และเขาก็ยืนยันว่าได้หารือกับนายทรัมป์ถึงช่วงเปลี่ยนผ่าน และสะสางภารกิจที่คั่งค้างอยู่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตว่าในสุนทรพจน์ของนายทิลเลอร์สันครั้งนี้ ไม่ได้กล่าวขอบคุณนายทรัมป์ หรือชื่นชมนโยบายของนายทรัมป์เลย เพียงแต่ย้ำว่าการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีครั้งนี้จำเป็นต้องเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด เนื่องจากสหรัฐฯยังมีความท้าทายด้านความมั่นคงอีกมากที่ต้องเผชิญ โดยวาระสำคัญที่สหรัฐฯกำลังต้องตัดสินใจด้านต่างประเทศ ได้แก่การเจรจาเงื่อนไขเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือรอบใหม่กับแคนาดาและเม็กซิโก และการประชุมสุดยอดระหว่างนายทรัมป์และนายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นตำแหน่งสำคัญที่สุดในรัฐบาลสหรัฐฯ รองจากประธานาธิบดี ได้ชื่อว่าเป็น "เลขานุการแห่งรัฐ" เนื่องจากเป็นผู้ที่ดูแลงานด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อันมีผลสำคัญต่อความมั่นคงจของทั้งสหรัฐฯและของโลก แต่นายทรัมป์กับนายทิลเลอร์สันกลับมีเรื่องไม่ลงรอยกันหลายครั้ง โดยล่าสุด นายทรัมป์ยอมรับว่าความสัมพันธ์อันไม่ราบรื่นระหว่างทั้งคู่ เป็นเพราะ "เคมีไม่ตรงกัน" นอกจากนี้นายทิลเลอร์สันยังยืนยันว่าเขาไม่เคยทราบว่าตนเองจะถูกไล่ออก จนกระทั่งเห็นจากทวิตเตอร์ของนายทรัมป์