นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นัก กลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และหลังเปิดตลาดมาได้ 1 ชั่วโมง อัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่ามากขึ้นหลุดกรอบแนวรับมาอยู่ที่ 31.46-31.47 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการแข็งค่าที่รวดเร็ว และแข็งค่ามากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี
“สาเหตุบาทแข็งค่า ส่วนหนึ่งมาจากโฟลว์ของธนาคารต่างชาติและธนาคารในประเทศขายดอลลาร์สหรัฐออกมาแลกบาท ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็เข้ามาดูแลรับๆ ขายๆ เป็นระยะ ประกอบกับเมื่อวานนี้รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวในทำนองสนับสนุนเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่า ปัจจัยเหล่านี้จึงมีผลให้เงินบาทไทยแข็งค่า และด้วยสถานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่มีมากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ กว่า 6.5 ล้านล้านบาท ยิ่งทำให้มองว่า ไทยยังมีความสามารถจะรับสถานการณ์ได้ แม้เงินบาทจะแข็งค่าทะลุไปถึง 28-29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้เช่นกัน” นายจิตติพลกล่าว
อีกด้านหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศออกมาเมื่อปลายปี 2560 ที่ระดับ 1.25-1.50% อาจประเมินได้ว่า ระยะข้างหน้าเงินดอลลาร์สหรัฐมีข้อจำกัดที่จะอ่อนค่าแล้ว ดังนั้นจึงมีโอกาสที่เงินบาทจะกลับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในบางช่วงได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (25 มกราคม 2561) เงินบาทแข็งค่า 3.32% และแข็งค่าเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค รองจากเงินริงกิต มาเลเซีย โดยไทยยังสามารถรักษาระดับความสามารถในการแข่งขันได้ เพราะค่าเงินเคลื่อนไหวในทิศทางสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค