นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) กล่าวว่า ตามที่นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ออกมาเปิดเผย ผลสำรวจของ The Credit Suisse Global Wealth Report 2018 ระบุคนไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่รัฐบาล โดยโฆษกรัฐบาล รมต.ประจำสำนักนายกฯ และ สภาพัฒน์ฯ ออกมาแก้ตัว เป็นการสร้างความสับสนให้ประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก
อยากให้รัฐบาลหาวิธีการแก้ไขมากกว่าจะเป็นการแก้ตัว เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา หากพิจารณาตามความเป็นจริงจะพบว่ารายได้เกษตรกรลดลงมากจากราคาพืชผลเกษตรที่ตกต่ำ กระทั่งปัจจุบันราคา ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และมะพร้าว ฯลฯ ยังอยู่ในระดับต่ำมาก ค่าแรงขั้นต่ำของกรรมกร ขึ้นน้อยมาก การค้าขายในระดับล่างและระดับกลาง ของธุรกิจ SME เป็นไปอย่างยากลำบาก ใน 4 ปีกว่าที่ผ่านมา แต่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์กลับมีการขยายตัวของกำไรสูงมาก อีกทั้ง มีรายชื่ออภิมหาเศรษฐีของไทยติดอันดับร่ำรวยในการจัดอันดับเศรษฐีโลกเพิ่มขึ้นในนิตยสารระดับโลก และยังมีรายงานว่ามีอภิมหาเศรษฐีไทยร่ำรวยเพิ่มขึ้นเป็นแสนล้านในช่วง 4 ปีกว่านี้ แสดงถึงความร่ำรวยที่กระจุกกับกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้น แถมการเพิ่มขึ้นของรายได้ประชาชาติก็อยู่ในระดับต่ำมาโดยตลอดยิ่งตอกย้ำว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นเข้าไปสู่กระเป๋าคนรวยเท่านั้น
คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) ระบุต่อว่า คนจนบางกลุ่มนอกจากรายได้ไม่เพิ่มแล้วยังมีรายได้ติดลบอีกด้วย ซึ่งอาจเรียกได้ว่า รวยกระจุก จนกระจาย โดยในสมัยรัฐบาลก่อนการปฏิวัติความเหลื่อมล้ำยังอยู่อันดับที่ 11 และ แย่ลงมาเรื่อยๆ มาเป็นอันดับ 3 เมื่อ 2 ปีก่อน และเป็นอันดับ 1 ในปีนี้ จากการคำนวณบนพื้นฐานเดียวกัน แสดงถึงแนวทางที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ตลอด 4 ปี ไม่ได้ผล
"หากไม่ปรับปรุงจะยิ่งเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น คำแก้ตัวคงไม่ช่วยอะไรได้ ดังนั้นจึงอยากเห็นแนวทางการแก้ไขที่เห็นผลจริง เป็นรูปธรรม ซึ่งการแจกเงินที่เป็นอยู่คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้"
น.ส.อนุตตมา กล่าวต่อว่า รัฐบาลควรสร้างบรรยากาศที่ดี และโปร่งใสในการเลือกตั้งที่ใกล้จะเกิดขึ้น หลังจาก การแจกเงินที่เสมือนหนึ่งอาจเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า การแบ่งเขตที่เอื้อประโยชน์ให้กับบางพรรคแล้ว ล่าสุดนี้ การจะพิมพ์บัตรเลือกตั้งโดยไม่ใส่ชื่อผู้สมัคร และ โลโก้พรรค น่าจะสร้างความสับสนให้กับประชาชน ขนาดสหรัฐอเมริกามีเพียงไม่กี่พรรค ยังมีการใส่ชื่อผู้สมัครและโลโก้พรรค เพื่อกันความสับสนให้กับผู้ลงคะแนน ซึ่งหากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม และไม่เป็นที่น่าเชื่อถือจากในประเทศและจากสายตานานาชาติแล้ว เศรษฐกิจไทยอาจจะยิ่งย่ำแย่ขึ้น ประชาชนจะยิ่งลำบาก ท้ายสุดไม่อยากให้รัฐบาลถูกมองว่าพยายามเอาเปรียบในทุกด้านเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง