นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับ การจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินเผยแผ่พระพุทธศาสนา สะเทือนในวงการพระสงฆ์อย่างแน่นอน และสะเทือนต่อความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนในบางคนบางกลุ่ม ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะไม่กระทบต่อพระพุทธศาสนาในประเทศที่ยังมั่นคงดีอยู่ ซึ่งหากมีเภทภัยมากระทบกระทั่งหากสามารถที่จะกำจัดออกไปได้ก็จะทำให้พระพุทธศาสนาบริสุทธิ์ผุดผ่อง เด่นชัดขึ้น ตามหลักการพระพุทธศาสนาได้
ทั้งนี้ขอให้มีการแยกแยะว่า เรื่องนี้แบ่งออกเป็นสองประเด็น คือเรื่องคดีทุจริตซึ่งเจ้าหน้าที่จะเป็นคนดำเนินการในการสอบสวนตามกฎหมายซึ่งพระสงฆ์สามารถที่จะแก้ข้อกล่าวหาได้ ซึ่งการเกิดคดีความถือว่าเป็นการถูกกล่าวหาทางโลก ดังนั้นทางโลกจะต้องเข้ามาจัดการ ส่วนทางธรรมและทางศาสนาก็ต้องเข้าไปดำเนินการในกฎหมายพระสงฆ์ ซึ่งกฎหมายนี้ ก็มีการระบุไว้ชัดเจนว่าในกรณีที่พระสงฆ์ต้องคดีอาญาจะต้องดำเนินการอย่างไร
นายวิษณุ ระบุว่า การสึกพระสงฆ์ว่ามีทั้งสมัครใจลาสิขาให้สละสมณเพศ ซึ่งพระรูปนั้นจะสมัครใจหรือไม่สมัครใจก็ตาม แต่ท่านต้องสละ โดยมีพระอธิการชั้นผู้ใหญ่ทำการสละโดยที่พระรูปนั้นนั่งคุกเข่าแล้วให้พระสังฆาธิการชั้นผู้ใหญ่ดึงผ้าออก ขณะที่พระรูปนั้นยังคงตั้งจิตมั่นคงอยู่ว่าจะเป็นพระอยู่ก็เป็นเรื่องของท่าน เหมือนอย่างกรณีพระวิมลธรรม เมื่อ 60 ปี ที่แล้ว พร้อมย้ำว่าทุกขั้นตอนการสึกพระมีวิธีปฏิบัติอยู่แล้ว ไม่ถือว่าเป็นเรื่องสลับซับซ้อน
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนในการนับถือพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ยังจะน่าเชื่อถือหรือไม่นั้น นายวิษณุเห็นว่า เรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ในทุกศาสนา และจะต้องมีการแก้ปัญหาเฉพาะเหตุที่เกิดขึ้นให้มันดีขึ้นคล้ายกับการปัดกวาดบ้านช่องห้องหอ จากที่ไม่สะอาด ให้กลับมาสะอาดขึ้น ไม่จำเป็นต้องรื้อบ้านทิ้ง ซึ่งอาจจะไม่คุ้มและขออย่ามองว่าเป็นการสังคายนาพระสงฆ์ครั้งใหญ่ เพราะคำนี้เป็นคำพิเศษ และทำกันได้ยาก เพราะหมายความถึงกรณีการประชุมพระสงฆ์เพื่อที่จะตรวจสอบพระไตรปิฎกกัน ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่มีพระพุทธศาสนาเกิดขึ้น มีการสังคายนาพระไตรปิฎกไป 10 กว่าครั้ง ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ ซึ่งเรื่องทางมหาเถรสมาคมย่อมมีวิธีและแนวทางปฏิบัติสำหรับพระภิกษุสงฆ์อยู่แล้ว
นายวิษณุ ยังกล่าวว่าในอนาคตอาจจะต้องมีการจัดระเบียบเรื่องพุทธพาณิชย์ซึ่งเป็นเรื่องที่สะเทือนใจกับชาวพุทธเพราะเป็นการนำพุทธศาสนาหรือศาสนวัตถุ หรือศาสนบุคคลมาทำมาค้าขาย หากำไร ก็ต้องเป็นเรื่องที่ต้องจัดการต่อไป โดยเฉพาะช่องว่างของกฎหมายที่ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดพร้อมกันนี้เชื่อว่าจะสามารถอธิบายกับต่างประเทศได้ โดยเฉพาะข้อสงสัยเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือเป็นการกลั่นแกล้ง และเสรีภาพในการนับถือศาสนา เพราะต่างประเทศจะให้ความสนใจการชี้แจงในสามประเด็นดังกล่าวเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ดีขอให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้ตระหนักและสังวรณ์ ระมัดระวังกันในสังคม อีกทั้งจะต้องกลั่นกรองการดำรงตำแหน่งของพระเถระชั้นผู้ใหญ่มากขึ้น ในการขึ้นมาดำรงตำแหน่ง
อ่านเพิ่มเติม