ไม่พบผลการค้นหา
'อนุทิน' ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาล – อสม.ปทุมธานี ย้ำ สธ.ไม่ทอดทิ้ง คนหน้างานเพราะเป็นกำลังสำคัญสู้โควิด-19

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และคณะผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพื่อรับฟังปัญหาในการทำงานควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 และให้กำลังใจทีมแพทย์ พยาบาล ที่ รพ.สต.คลองสาม และโรงพยาบาลปทุมธานี รวมไปถึงที่ อบจ.ปทุมธานี  

ระหว่างการตรวจเยี่ยม นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอขอบคุณกับความทุ่มเทของคนทำงาน ในการควบคุมโรคระบาด วันนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดน้อยลงอย่างมีนัยยสำคัญ แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะวางใจได้ ชัดเจนแล้วว่า การทำงานของทีมแพทย์ พยาบาลนั้น มีประสิทธิภาพ น่ายกย่องชมเชย แต่ อสม.ก็คือกำลังสำคัญที่เราจะขาดไม่ได้ และตนเห็นคุณค่าของ อสม.มาตลอด 

ในอดีต เคยขอสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ อสม.ก็มักถูกปฏิเสธ แต่วันนี้ ผลงานประจักษ์ชัด ว่า อสม.มีประโยชน์อย่างยิ่ง ช่วยแบ่งเบาภาระแพทย์พยาบาล ดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น ประจำด่านคัดกรอง ควรค่ากับการยกย่อง ในที่ประชุม สปสช. เคยหารือเรื่องสิทธิประโยชน์ของบุคลากรสาธารณสุข และตนเป็นคนตัดสินใจ ให้ อสม.ต้องได้สิทธิประโยชน์นั้นด้วย เพราะทำงานหนักไม่แพ้ใคร เราจะทอดทิ้งคนหน้างานไม่ได้เลย  

"อสม. เป็นจุดเด่นของประเทศไทย ประเทศไทยมี อสม.ประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งเป็นกำลังหลักในการรักษาพยาบาล การป้องกันโรคและการสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนในการหันมารักสุขภาพและใช้ชีวิต ให้ถูกสุขลักษณะ ดังนั้นการที่เราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ได้ ส่วนสำคัญ นอกจากทีมแพทย์ พยาบาล และหน่วยงานอื่น อสม.ก็ไม่ควรถูกมองข้าม พลังของ อสม. ที่เข้ามาช่วยในการเฝ้าระวัง รวมถึงเข้าไปดูแลผู้ที่ต้องกักกันตัวเองในพื้นที่ (Local quarantine) เฝ้าระวังและคัดกรองผู้ป่วย คือปัจจัย ที่เรายังจัดการกับโรคได้ดี"

ที่ผ่านมาทางกระทรวงสาธารณสุขเคยประชุมกัน เคยปวดหัว กลัวว่าเตียงจะไม่พอ ได้วางแผน หาเตียงไว้รองรับสถานการณ์ แต่วันนี้ สถานการณ์ไปไม่ถึงจุดที่เรากังวล แต่ทางกระทรวงสาธารณสุขเองไม่เคยการ์ดตก เตรียมแผนการไว้สำหรับเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเสมอ ถึงตอนนี้เราเองก็ยังทำงานเต็มที่ แม้สถานการณ์จะเริ่มผ่อนคลายแล้ว แต่ทีมแพทย์ พยาบาล ยังทำงานวันละ 24 ชั่วโมง สิ่งที่เรากำลังปฏิบัติอยู่นั้น กำลังวากรากฐานให้ระบบสาธารณสุขไทยเข้มแข็งขึ้นในอนาคต หากเราจะหวังให้เป็นเบอร์ 1 ของโลก ก็คงไม่ไกลเกินไป เพราะพี่น้องสาธารณสุขเราเก่ง และทุ่มเทมากๆ 

สำหรับประชาชน หลังจากนี้น่าจะมีการคลายล็อก เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาทำมาหากิน แต่การใช้ชีวิตนับจากนี้ จะไม่เหมือนเดิมจนกว่าเราจะมีวัคซีน เพื่อจัดการกับโรคนี้ ประชาชน ต้องใช้ชีวิตอยู่บนความระมัดระวัง เรายังต้องเว้นระยะห่างระหว่างกันต่อไปอีก พร้อมไปกับการหมั่นล้างมือ ใส่หน้ากากทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ขอให้ทุกคนช่วยกัน เราจะเอาชนะสถานการณ์นี้ไปได้ โดยสูญเสียน้อยที่สุด 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมบอร์ด สปสช.ล่าสุด ที่มีนายอนุทิน เป็นประธานนั้น มีมติเห็นชอบมาตรการสร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่กระทรวงสาธารณสุขนำเสนอ ซึ่งรวมถึงเพิ่มการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการ รวมทั้ง อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ได้รับความเสียหายกรณีโควิด-19 เป็น 2 เท่าจากเดิม

โดยได้เห็นชอบตามอัตราการจ่ายกรณีการปฏิบัติงานเกี่ยวกับโควิด ตามข้อเสนอ ดังนี้

1.กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร หรือเจ็บป่วยเรื้อรังที่ต้องได้รับการรักษาตลอดชีวิต และมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำรงชีวิต จ่ายช่วยเหลือได้ตั้งแต่ 480,000-800,000 บาท

2.กรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการที่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิต จ่ายเงินช่วยเหลือตั้งแต่ 200,000-480,000 บาท

3.กรณีบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่อง จ่ายเงินช่วยเหลือไม่เกิน 200,000 บาท

โดยใช้เงินจากงบกลางที่ได้รับเพิ่มเติมจากรัฐบาลกรณีโควิด-19 ในการจ่ายช่วยเหลือใน 3 กรณี ทั้งนี้ สามารถยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นที่ สปสช.สาขาเขตพื้นที่ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับความเสียหาย โดยจะมีคณะกรรมการพิจารณาในการช่วยเหลือต่อไป