นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ พร้อมด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่พบปะนักธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งวันนี้ได้มาเยี่ยม บริษัท เจซิม ออร์คิด (ไทยแลนด์) โดยมีพูดคุยสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และอยากให้มีการแก้ไขกับเจ้าของธุรกิจเกษตรกรในพื้นที่และแรงงานเข้าร่วมพูดคุย
โดยหลังจากการตรวจเยี่ยมและพูดคุยกับประชาชน นายอภิสิทธิ์ได้ประกาศนโยบายของพรรคครั้งที่ 2 “ประกันรายได้คนไทย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เน้นการยกระดับความเป็นอยู่ภาคเกษตรกรรม แรงงาน และ ผู้สูงอายุ ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม มีการประกันรายได้ผู้มีรายได้น้อยกว่า 120,000 บาทต่อปี ซึ่งประกอบด้วย
1. โครงการโฉนดสีฟ้า โดยรัฐบาลจะออก พรบ.โฉนดชุมชน ให้ที่อยู่ที่ทำกินกับประชาชนเพื่อให้สิทธิ์ในการจัดการตนเองไปยังชุมชนอย่างแท้จริง ยกระดับ สปก. สามารถกู้ได้ เป็นการขยายโอกาสเกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนของรัฐ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเกษตรกรรม และ สามารถสืบทอดต่อให้ลูกหลานได้
รวมถึงเดินหน้า “ธนาคารที่ดิน” เพิ่มที่ทำกินให้คนไทย เพื่อการจัดสรร และ เพิ่มการกระจายตัวของที่ดินให้ครอบคลุมต่อความต้องการของประชาชน เร่งออก “โฉนดทันใจ” สะสางโฉนดที่ดินที่ค้างท่อมานาน เร่งรัดทำให้โฉนดที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ สค.1 นส.3 และ เอกสิทธิต่าง ๆ ที่ชอบด้วยกฎหมาย
2. น้ำถึงทุกไร่นา เป็นการจัดตั้ง “กองทุนน้ำชุมชน” ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดปี มีเงินทำแหล่งน้ำทุกหมู่บ้าน รัฐมีงบประมาณ และ มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำกับชาวบ้าน เพื่อจัดการแหล่งน้ำด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ประกันรายได้เกษตรกร มุ่งเน้นที่ตัวเงินในกระเป๋าเกษตรกรเป็นหลัก ไม่แทรกแซงกลไกตลาด ไม่ทำการประกันราคาสินค้า และ ไม่ทำจำนำที่สูงกว่าราคาตลาด โดยจะครอบคลุมพืชทุกชนิด สร้างความมั่นคงของรายได้ให้เกษตรกรไทยทุกคน มีหลักประกันรายได้ขั้นต่ำในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเมล็ด ยางพารา ปาล์ม รวมไปถึงการทำประกันภัยพืชผล ทางการเกษตร ให้เงินคุ้มครองความเสียหายผลผลิตจากภัยธรรมชาติ เพื่อคุ้มครองต้นทุนการผลิตของเกษตรกร
4. ประกันรายได้แรงงาน เป้าหมายค่าแรงของคนไทย ต้องไม่ต่ำกว่า 120,000 บาทต่อปี รัฐจ่ายส่วนต่าง ลดภาระผู้ประกอบการ
5. เบี้ยผู้ยากไร้ 800 บาทต่อเดือน โอนตรงสู่บัญชีเงินอุดหนุนให้แก่ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อปี โดยทุกคนต้องเข้าระบบรายงานสถานะทางการเงินของตนเองทุกปี
6. เบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 บาทต่อเดือน โอนตรงสู่บัญชีผู้สูงอายุ เพื่อดูแลค่าครองชีพ และจุนเจือชีวิตความเป็นอยู่ในวัยเกษียณ
นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า พรรคประชาธิปัตย์ตระหนักและเห็นใจประชาชนในยุคที่ประเทศไทยเต็มไปด้วยความผันผวนทางเศรษฐกิจ ความกังขาต่อความเท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำในโอกาสที่ยากจะเข้าถึง และความมั่งคั่งกระจุกอยู่ที่กลุ่มเล็กๆ พรรคประชาธิปัตย์จึงประกาศนโยบายดังกล่าวขึ้น เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยทั้ง 6 นโยบายที่กล่าวมาข้างต้นจะสามารถปฎิบัติได้ทันทีหากได้รับเลือกเป็นรัฐบาล
พร้อมกันนี้พรรคประชาธิปัตย์เตรียมเปิดตัวนโยบายเศรษฐกิจยุคใหม่ “ยกระดับประเทศไทย ก้าวไกลทันโลก” ซึ่งจะนำพาประเทศสู่การรับมือต่อความท้าทาย 3 เรื่องหลัก คือ 1. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ 2. Aging Society 3. ลดความเหลื่อมล้ำ โดยหลักใหญ่ที่พรรคจะนำมาประกาศใช้ คือ การเปลี่ยนตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจจาก GDP ที่เน้นการเติบโตแบบอัดฉีด มาเป็น SDI (Sustainable Development Index) เน้นการพัฒนาเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน” สร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ