ไม่พบผลการค้นหา
นักโบราณคดีสำรวจค้นพบถ้ำใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในเม็กซิโก ซึ่งเป็นถ้ำที่เชื่อว่ายาวที่สุดในโลก พบวัตถุโบราณจากอารยธรรมมายาและฟอสซิสสัตว์อายุกว่า 1,000 ปี

ทีมนักสำรวจโบราณคดีใต้น้ำ โครงการ "กราน อากุยเฟโร มายา" (Gran Acuifero Maya หรือ GAM) ที่ศึกษาและอนุรักษ์แหล่งน้ำใต้ดินในแถบคาบสมุทรยูกาตัน ได้ลงไปสำรวจถ้ำที่เชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เกิดจากการเชื่อมต่อกันระหว่างถ้ำซัก อัคตุน และ ถ้ำโดส โอโฆส โดยถ้ำดังกล่าวมีระยะทาง 347 กิโลเมตร 

Untitled2.png

การสำรวจครั้งนี้ทีมนักโบราณคดีใต้น้ำ ได้พบรูปเคารพโบราณสมัยอารยธรรมมายาที่เชื่อว่าเป็นเทพเจ้าสงครามและการค้าโบราณ โครงกระดูกมนุษย์ เครื่องถ้วยปั้นดินเผาเซรามิก การแกะสลักฝาผนังถ้ำ รวมไปถึงการค้นพบฟอสซิสของสัตว์ ทั้งฟอสซิสตัวสลอตยักษ์ หมี รวมไปถึงช้างสี่งา กอมโฟธีเรียม การค้นพบดังกล่าวทำให้นักโบราณคดีสามารถศึกษาเรื่องราวและการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงยุคเพโตซีน หรือเมื่อประมาณ 2.6 ล้านปี -11,700 ปีก่อนได้

Untitled.png

ดร.กีเยร์โม เด อันดา ผู้อำนวยการโครงการ GAM กล่าวว่า การค้นพบครั้งนี้นับเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ เพราะถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนที่อื่นในโลก และภายในถ้ำยังมีสิ่งประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นจากฝีมือมนุษย์ ซึ่งยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ นอกจานี้ยังเป็นการทำความเข้าใจถึงการตั้งถิ่นฐานและพัฒนาการของวัฒนธรรมในภูมิภาคนี้ที่ได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมมายาก่อนที่จะถูกสเปนยึดครอง

ทั้งนี้รูปเทพเจ้าสงครามและการค้าของชาวมายันที่ค้นพบนั้นเป็นลักษณะของศาสนสถานที่มีบันไดผ่าขึ้นตรงกลางตามรูปแบบของชาวมายัน 

นอกจากนี้ ดร.กีเยร์โม ยังกล่าวว่า หลุมฝังศพที่ค้นพบรอบๆ นั้นกว่าร้อยหลุมต่างมีสัญลักษณ์ของการจัดพิธีกรรมทางศาสนาอยู่รอบๆเช่นกัน