ไม่พบผลการค้นหา
ตำรวจแจ้งดำเนินคดีกับแมสเซนเจอร์ชน เด็กนักเรียนบนทางเท้า 3 ข้อหา ซึ่งเจ้าตัวยอมรับผิด เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง

จากกรณี ผู้ขับขี่จักรยานยนต์บนทางเท้า ชนเด็กนักเรียน ชั้น ม.5 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) จนได้รับบาดเจ็บ ก่อนมีพลเมืองดีช่วยเหลือนำส่ง รพ.เปาโล โชคชัย 4 เหตุเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (26 พ.ย.) เวลา 15.30 น. บนทางเท้า บริเวณป้ายรถประจำทาง ใกล้ปากซอยลาดพร้าว 69 ถนนลาดพร้าว หลังเกิดเหตุ และปรากฎเป็นข่าว ทำให้ผู้ขับขี่จักรยานยนต์รายนี้ เข้ามอบตัวที่ สน.โชคชัย เมื่อเย็นวันที่ (27พ.ย.61) ตำรวจจึงดำเนินการสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหา

พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผู้กำกับการ สน.โชคชัย เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวน ได้นำตัว นายภูวดล ศรีสำโรง อายุ 23 ปี อาชีพพนักงานส่งเอกสาร (แมสเซนเจอร์) ไปผลัดฟ้องที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ดำเนินคดีใน 3 ข้อหา คือ 1.ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนคนได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 2.ขับรถบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุสมควร และ 3.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย-ความเดือดร้อนของผู้อื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูวดล ยังคงท่าทีสงบนิ่ง ไม่มีทีท่าตื่นตระหนก หรือวิตกกังวลแต่อย่างใด โดยพร้อมเข้าให้การต่อศาลและรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ทั้งนี้ นายภูวดล กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ไปขอโทษผู้เสียหายที่โรงพยาบาลแล้ว ยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง โดยวันเกิดเหตุกำลังไปส่งงานที่ ซอยลาดพร้าว 112 แต่เนื่องจากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก จึงขับขึ้นไปบนทางเท้า ก่อนจะพุ่งไปชนกับผู้เสียหาย จึงอยากฝากไปยังผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ว่า อย่าทำแบบนี้ เพราะนอกจากผิดกฎหมายแล้ว ยังทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนด้วย

ด้าน นายจิรวัฒน์ แพงมา ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กทม. กล่าวว่า กรณีนี้มีสาเหตุมาจากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบสังคม และตั้งใจฝ่าฝืนกฎหมาย จนสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น จึงจำเป็นต้องรณรงค์เร่งสร้างจิตสำนึกที่ดีให้ผู้ขับขี่ ไม่ขับรถ หรือจอดรถบนทางเท้า สำหรับโทษตามกฎหมาย ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถปรับได้สูงสุด 5,000 บาท และการบังคับใช้ถือว่าเหมาะสมแล้ว เจ้าหน้าที่เทศกิจ ทำงานอย่างเต็มที่ แต่ยอมรับว่า ไม่สามารถกวดขันได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทุกพื้นที่ เพราะมีกำลังพลจำกัดและปฎิบัติภารกิจหลายอย่าง

ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กทม. เปิดเผยอีกว่า ตั้งแต่เริ่มโครงการ จับจริง ปรับจริง รถยนต์ รถจักรยานยนต์ จอดหรือขับขี่บนทางเท้า ในเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2561 สามารถจับกุมผู้ฝ่าฝืนได้ 9,572 ราย ในจำนวนนี้ เจ้าหน้าที่ได้ว่ากล่าวตักเตือน 3,250 ราย และเปรียบเทียบปรับ 6,142 ราย รวมเป็นเงินค่าปรับทั้งสิ้น 3 ล้าน 4 แสนบาท ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นรายเขตจะพบว่า เขตที่มีการจับ-ปรับสูงสุด คือ วังทองหลาง รองลงมาคือ สวนหลวง, ลาดกระบัง, วัฒนา และหนองแขม 

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กทม. ยังเชิญชวนให้ประชาชน ช่วยเป็นหูเป็นตามให้เจ้าหน้าที่ แจ้งเบาะแส หรือส่งภาพการกระทำผิดมายังเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยสามารถส่งข้อมูลมาได้หลายช่องทาง เช่น ไลน์ รางวัลนำจับของ กทม. ไลน์ อัศวิน คลายทุกข์ (@aswinbkk) และศูนย์ร้องทุกข์ กทม. โทร. 1555

ข่าวที่เกี่ยวข้อง