สื่อท้องถิ่นของฝรั่งเศสรายงานว่า รัฐบาลฝรั่งเศสเตรียมระงับการขึ้นภาษีน้ำมัน หลังผู้ชุมนุมประท้วงประเด็นดังกล่าวรุนแรงมานานในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสจะเคยประกาศว่า จะไม่ยอมถอยแผนการขึ้นภาษีน้ำมันอย่างเด็ดขาด
ก่อนหน้านี้ นายเอ็ดวารด์ ฟิลิป นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสได้หาทางเจรจาต่อรองกับผู้ชุมนุม "เสื้อกั๊กเหลือง" แต่ผู้ชุมนุมขอเลื่อนการเจรจา หลังมีฝ่ายหัวสุดโต่งขู่ฆ่า หากมีการเจรจาเกิดขึ้น
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายมาครง ประณามผู้ก่อความรุนแรงในการประท้วงต่อต้านมาตรการขึ้นภาษีน้ำมัน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ระหว่างที่เขาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา และเขากล่าวหานักการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับเขาว่าพยายามไฮแจ็กการชุมนุมเพื่อขัดขวางการปฏิรูปประเทศที่นายมาครงพยายามผลักดัน
ประท้วง "เสื้อกั๊กเหลือง" คืออะไร?
การชุมนุมครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นจากการจุดกระแสบนโซเชียลมีเดีย เพื่อต่อต้านการขึ้นภาษีน้ำมัน และได้รับการสนับสนุนจากคนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่หลากหลาย ตั้งแต่ฝ่ายอนาธิปไตย ฝ่ายซ้ายจัด ไปจนถึงฝ่ายขวาจัด รวมถึงคนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองกลางๆ ซึ่งเป็นฝ่ายที่เคยเลือกนายมาครงขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
การประท้วงครั้งนี้ถูกเรียกว่าเป็น การชุมนุม "เสื้อกั๊กเหลือง" เนื่องจากผู้ชุมนุมสวมเสื้อเสื้อกั๊กเหลืองที่กฎหมายฝรั่งเศสระบุว่ายานพาหนะทุกคันจะต้องมีติดไว้ เพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านมาตรการขึ้นภาษีน้ำมัน
นายมาครงอธิบายว่า การขึ้นภาษีน้ำมันมีจุดประสงค์เพื่อผลักดันให้ฝรั่งเศสเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขึ้น แต่ผู้ประท้วงกล่าวว่า นายมาครงอยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่เข้าใจประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในเมือง ซึ่งต้องพึ่งพารถยนต์
นักวิเคราะห์มองว่า ปัจจุบันการประท้วงนี้ได้ขยายไปเป็นความโกรธแค้นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลโดยรวม โดยหลายคนมองว่ารัฐบาลของนายมาครงผลักคนชนบทให้ไปเป็นคนชายขอบ ค่าครองชีพก็สูง และหลายคนก็ไม่พอใจนโยบายเศรษฐกิจโดยรวมของรัฐบาล