สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ หรือ IAAF ได้ออก ข้อบังคับ ใช้สำหรับการแข่งขันที่เริ่มมีผลมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2017 กำหนดคุณสมบัตินักกรีฑาหญิงในประเภท 400 เมตรไปถึง 1 ไมล์ ต้องมีระดับ ‘เทสโทสเตอโรน’ (testosterone) ในเลือดต่ำกว่า 5 nmol/L โดยให้เหตุว่าเพื่อสร้างความยุติธรรมและให้นักกีฬามีคุณสมบัติตรงกับประเภทการแข่งขันอย่างแท้จริง
เทสโทสเตอโรน คือฮอร์โมนหลักที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายแสดงลักษณะความเป็นเพศชาย ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้มีอยู่กับมนุษย์ทั้ง 2 เพศ หากมีน้อยในผู้ชายจะทำให้ลักษณะความเป็นชายไม่ปรากฏ ในทางตรงกันข้ามหากมีสูงในผู้หญิงจะทำให้แสดงความลักษณะความเป็นชายสูง หรือที่เรียกว่าภาวะ ‘ไฮเปอร์แอนดรอจีนิสซึ่ม’ (Hyperandrogenism) คือมีลักษณะความเป็นชายมากกว่าปกติ ซึ่ง ‘อาจจะ’ ได้เปรียบมากกว่าผู้หญิงด้วยกันในการแข่งขัน
โดยตามข้อบังคับใหม่ของ IAAF ผู้ที่จะเข้าแข่งขันนั้นจะต้องมีเทสโทสเตอโรน ในเลือดต่ำกว่า 5 nmol/L. ต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือนก่อนการแข่งขันเป็นอย่างน้อย ในการร่วมแข่งขันกับผู้หญิงด้วยกัน ไม่อย่างนั้นจะต้องไปแข่งขันกับผู้ชายหรือบุคคลที่มีภาวะ ‘กำกวมทางเพศ’ (intersex)
ข้อบังคับดังกล่าวมาจากกรณีของ Caster Semenya นักวิ่งหญิงชาวแอฟริกาใต้ ที่คว้าแชมป์โลกกรีฑา 800 เมตร ในปี 2009 ด้วยวัยเพียงแต่ 18 ปีเท่านั้น ดูเหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ของเธอ แต่กลับตามมาด้วยข้อครหาเรื่องเพศ จากรูปร่างที่กำยำดูไม่ต่างจากผู้ชายของมากกว่าจะเป็นผู้หญิงของเธอ และเมื่อมีการตรวจร่างกายจึงพบว่าเธอไม่มีมดลูก ทั้งยังมีโครโมโซมออกไปทางเพศชายมากกว่าปกติ จึงตามมาด้วยข้อครหาว่าเธอแปลงเพศมาแข่ง ทำให้เธอถูกแบนจากการแข่งขัน ส่วนเกียรติยศรางวัลต่างๆ ก็ถูกริบไปด้วย
หลังจากการต่อสู้ในหลายประเด็น ในทางแพทย์ได้ยืนยันว่า Semenya เป็นผู้หญิงมาตั้งแต่กำเนิดไม่ได้ทำการแปลงเพศแต่อย่างได้ เพียงแต่อวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงของเธอไม่เติบโตจากภาวะไฮเปอร์แอนดรอจีนิสซึ่ม ซึ่งไม่ใช่การแปลงเพศ เธอจึงสามารถกลับมาลงแข่งขันประเภท 800 เมตรหญิง ในกีฬาโอลิมปิก 2012 ที่กรุงลอนดอน และได้เหรียญเงินมาครอบครอง
ถึงอย่างนั้น เรื่องร่างกายที่ดูเหมือนจะได้เปรียบผู้หญิงคนอื่นของเธอจึงยังข้อถกเถียงในวงการกีฬาอยู่ ว่าที่สุดแล้วควรจะให้ผู้หญิงที่มีฮอร์โมนความเป็นชายมากเช่นนี้เข้าแข่งขันหรือไม่ ไปจนถึงของถกเกียงทางการแพทย์ว่าไฮเปอร์แอนดรอจีนิสซึ่มสามารถเพิ่มประสิทธิภาพทางกีฬาให้กับผู้หญิงมากแค่ไหน? และในกีฬาประเภทใดบ้าง?
แม้จะถูกครหามากมายจากทั่วโลกแต่ Semenya ยังเป็นขวัญใจของชาวแอฟริกาใต้ ทั้งยังได้รับเลือกเป็นตัวแทนถือธงชาติแอฟริกาใต้ ในพิธีปิดการแข่งขันโอลิมปิก ปี 2016 พร้อมแฮชแท๊กให้กำลังใจในโลกโซเชี่ยล “#handsoffcaster” หรือ “อย่าแตะคาสเตอร์”
เมื่อมีข้อบังคับใหม่ในปัจจุบันของ IAAF จึงเหมือนบังคับให้เธออกจากการแข่งขัน Semenya จึงได้นำเรื่องเข้าสู่ศาลอนุญาโตตุลาการสำหรับกีฬา (Court of Arbitration For Sport) ว่ากฎของ IAAF เป็นการเลือกปฏิบัติและไร้ซึ่งเหตุผล
เรื่องของเธอจึงเป็นมากกว่าเรื่องสมรรถภาพทางกีฬา แต่ยังมีการพูดถึงการละเมิดสิทธิความเป็นผู้หญิง ล่าสุด Human Rights Watch องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ได้ส่ง จดหมายเรียกร้อง ให้ทาง IAAF ถอนกฎข้อบังคับเรื่องปริมาณเทสโทสเตอโรนในเลือด เนื่องจากเป็นการละเมิดขั้นพื้นฐานของสิทธิสตรี เพราะเป็นการเป็นเลือกปฏิบัติทางจากเพศสภาพ โดยบอกว่าข้อบังคับนี้ออกมาโดยไม่มีข้อยืนยันทางวิทยาศาสตร์ที่แน่ชัด จึงเป็นการกีดกันผู้หญิงที่มีภาวะไฮเปอร์แอนดรอจีนิสซึ่มออกจากการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม
“ผลของมันทำให้ผู้หญิงที่ลักษณะกำกวมทางเพศ ถูกบังคับให้เลือกระหว่างใช้การแทรกแซงทางการแพทย์ที่ไม่จำเป็น เพื่อลดระดับเทสโทสเตอโรน หรือจะต้องหมดโอกาสในการแข่งขันระดับนานาชาติ” ส่วนหนึ่งของจดหมายจาก Human Rights Watch ระบุ
ทั้งนี้มีนักวิทยาศาสตร์ เคยประเมิน ออกมาว่าถ้าลดเทสโทสเตอโรนลงตามข้อบังคับ เธอจะทำเวลาในประเภทกรีฑา 800 เมตร ได้ช้าลง 7 วินาที
“ฉันว่ามันไม่ยุติธรรมที่ฉันถูกบอกต้องเปลี่ยน มันไม่ยุติธรรมที่ผู้คนตั้งคำถามว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็น Mokgadi Caster Semenya เป็นผู้หญิงและฉันรวดเร็ว” เธอกล่าวในแถลงการณ์