วันที่ 1 พ.ค. นี้ รัฐบาลจะเริ่มส่งน้ำเข้าพื้นที่ 12 ทุ่งลุ่มต่ำ ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ครอบคลุม 10 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ได้แก่ นครสวรรค์, ชัยนาท, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, สุพรรณบุรี, ปทุมธานี, และนนทบุรี รวมพื้นที่ 1.15 ล้านไร่ เพื่อให้เกษตรกรได้เตรียมการเพาะปลูกข้าวเร็วขึ้น 1 เดือน จากเดือนมิถุนายน เป็นเดือนพฤษภาคม ช่วยลดความเสียหาย และประสบผลสำเร็จมากในปีที่แล้ว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังกำชับให้ขยายผลไปยังพื้นที่ลุ่มน้ำอื่นทั้งในภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วย
โดยรัฐบาลออกมาตรการแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมทุกปี โดยเลื่อนปฎิทินการเพาะปลูก และใช้พื้นที่ 12 ทุ่งเป็นแก้มลิงธรรมชาติชั่วคราวสำหรับพักชะลอน้ำรองรับน้ำหลากหลังเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จช่วงเดือนกันยายน โดยปีที่ผ่านมาเกษตรกรในพื้นที่ได้รับประโยชน์และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้มากเมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มีปริมาณฝนตกสะสมใกล้เคียงกัน
สำหรับมาตรการครั้งนี้ถือเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยสามารถรองรับน้ำไว้ได้มากถึง 1.5 พันล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเท่ากับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 2 เขื่อน ช่วยลดผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนตามแนวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เขตเศรษฐกิจตอนล่าง กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยดำเนินการควบคู่กับการปรับปรุงเสริมคันกั้นน้ำให้มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ และไม่เป็นอุปสรรคต่อการสัญจร
นอกจากนี้ พื้นที่แก้มลิงก่อให้เกิดอาชีพประมง เป็นแหล่งอาหารโปรตีนให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้เสริม รวมทั้งทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของดิน ช่วยตัดวงจรการแพร่ระบาดโรคพืชและแมลงต่าง ๆ ได้ดี โดยพบว่าชาวนาที่ปลูกข้าวนาปรังได้ผลผลิตอยู่ในเกณฑ์สูง