ไม่พบผลการค้นหา
คนใช้เวลากับเฟซบุ๊กน้อยลง หลังมีการปรับเปลี่ยนอัลกอริธึมให้เห็นโพสต์เพื่อนมากกว่าเพจต่างๆ แต่ 'มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก' มั่นใจ "การเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นผลดีกับบริษัทในระยะยาว"

เฟซบุ๊กเปิดเผยว่า การปฏิรูปอัลกอริธึมสำหรับนิวส์ฟีดของเฟซบุ๊กครั้งล่าสุด ทำให้มีผู้ใช้เวลาบนเฟซบุ๊กน้อยลงประมาณ 5% หรือประมาณ 50 ล้านชั่วโมงต่อวัน และการเติบโตของจำนวนผู้ใช้งานก็น้อยลงจากไตรมาสก่อน

นอกจากนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กประจำทุกวันในสหรัฐฯ และแคนาดาหายไปถึง 1 ใน 4 หรือประมาณ 7 แสนคน ซึ่งสหรัฐฯ และแคนาดาเป็นประเทศที่ทำรายได้จากโฆษณาได้สูงสุด

หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีโพสต์โฆษณาขึ้นบนนิวส์ฟีดมากเกิน และใช้เฟซบุ๊กเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ แทรกแซงทางการเมือง และส่งผลกระทบกับสังคมวงกว้าง เฟซบุ๊กจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมครั้งล่าสุด เพื่อลดการแสดงคลิปไวรัล โพสต์โฆษณาสินค้าหรือธุรกิจ โพสต์ของเพจต่างๆ รวมถึงเพจของสำนักข่าวด้วย และแสดงโพสต์ของเพื่อนมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน

อย่างไรก็ตาม มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กมองว่า ความผันผวนนี้อาจช่วยบริษัทในระยะยาว และหากไม่เปลี่ยนแปลงตอนนี้อาจทำให้ธุรกิจแย่ลงในระยะยาว เพราะเฟซบุ๊กจะไม่สนุกหรือไม่มีประโยชน์อีกต่อไป พร้อมยืนยันว่า เฟซบุ๊กตระหนักถึงความสำคัญของประเด็นที่กำลังมีการถกเถียงกันเรื่องการใช้งานเฟซบุ๊ก และเฟซบุ๊กต้องการให้เวลาผู้ใช้อยู่บนเฟซบุ๊ก มีความหมายมากขึ้น

นอกจากนี้ นายซักเคอร์เบิร์กยังระบุว่า ปี 2560 ที่ผ่านมา เป็นปีที่เฟซบุ๊กแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นปีที่ยากลำบากเช่นกัน

แม้รายงานผลประกอบการปี 2560 ระบุว่า เฟซบุ๊กมีรายได้มากกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 47% และมีกำไรสูงเกือบ 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 56% แต่เฟซบุ๊กต้องเสียภาษีกว่า 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการนำรายได้จากต่างประเทศกลับไปที่สหรัฐฯ ตามนโยบายภาษีใหม่ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน