ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ว่าที่หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย พร้อมด้วยนายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ว่าที่เลขาธิการพรรค แถลงจุดยืนของพรรคว่า ถึงแม้ในอนาคตพรรคจะเป็นรัฐบาล หรือไม่เป็นรัฐบาล ก็จะทำงานร่วมกับรัฐบาล ก็จะช่วยรัฐบาลในการทำงาน โดยพรรคมีนโยบายที่นำมาจากการรับฟังปัญหาของประชาชน จึงเป็นนโยบายที่ประชาขนให้การยอมรับและพอใจ ซึ่งการลงพื้นที่รับฟังปัญหา พรรคได้ทำตามระเบียบ อย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เป็นการผิดกฏหมาย พร้อมกับจัดเตรียมเอกสาร ที่จะแจกจ่ายให้กับประชาชน ในการแสดงเจตจำนงการเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค ร่วมถึงจัดทำเอกสารแสดงเจตจำนงให้ผู้ต้องการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อคลายล็อกอย่างสมบูรณ์แล้ว ทุกอย่างก็จะเดินหน้าได้ทันที เนื่องจากเวลาที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ได้น้อย เพราะหากกำหนดการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562 ทางพรรคจะมีเวลาได้น้อย ร่วมถึงได้เตรียมการตั้งสาขาพรรคในพื้นที่ภาคใต้ 7 แห่ง อีสาน 7 แห่ง ส่วน กทม.และภาคอื่นๆ อยู่ระหว่างดำเนินการ
พร้อมกันนี้ เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ดี และมีความก้าวหน้าระดับหนึ่ง โดยเฉพาะให้ความสำคัญกับประชาชน มีสิทธิ มีส่วนร่วมทางด้านการเมืองมากขึ้น โดยสามารถเลือก ส.ส.เข้ามาเป็นตัวแทน ซึ่งขณะนี้แม้ว่าการทำไพรมารีโหวตจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่พรรคก็ยืนยันว่าจะทำไพรมารีโหวต เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เพราะประชาชนที่เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคตั้งจ่ายเงิน จึงมีสิทธิที่จะเลือก ส.ส. เนื่องจากสมาชิกของพรรครวมพลังประชาชาติไทย จ่ายค่าสมาชิกพรรคสูงกว่าพรรคอื่น จึงควรมีสิทธิที่จะใช้ระบบไพรมารีโหวต
อย่างไรก็ตาม ทางพรรคจะย้ำทางสมาชิกและผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จะให้ปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด เพราะมีบทลงโทษที่แรงกว่าเดิม