สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย 12 ก.ย.2563 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย ทั้งหมด เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ (อุซเบกิสถาน 1 ราย, ญี่ปุ่น 1 ราย, อินเดีย 2 ราย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย) และเข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ ไม่มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่ม ทำให้มีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,312 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.56 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 96 ราย หรือร้อยละ 2.77 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,466 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 5 รายวันนี้เดินทางมาจาก อุซเบกิสถาน 1 ราย เป็นชาย อายุ 29 ปี สัญชาติอุซเบกิสถาน อาชีพนักฟุตบอล เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 13 ส.ค. 2563 เข้าพักสถานที่กักกันทางเลือก (ASQ) ครบ 14 วัน ผลไม่พบเชื้อ ต่อมาตรวจหาเชื้อก่อนเริ่มฤดูการแข่งขัน ในวันที่ 8 กันยายน 2563 ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ
ญี่ปุ่น 1 ราย เป็นนักเรียนชาย อายุ 9 ปี สัญชาติญี่ปุ่น เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 4 ก.ย. 2563 (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 1 ราย) เข้าพักสถานที่กักกันทางเลือก (ASQ) ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 วันที่ 10 ก.ย. 2563 (วันที่ 6 ของการกักตัว) ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ
อินเดีย 2 ราย ทั้งสองราย เป็นนักเรียนชาย สัญชาติไทย อายุ 24 และ 34 ปี เดินทางมาถึงประเทศไทยวันที่ 6 ก.ย. 2563 (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 5 ราย) เข้าพักสถานที่กักกันใน จ.ชลบุรี (SQ) ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 วันที่ 9 ก.ย. 2563 ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย เป็นหญิง อายุ 31 ปี สัญชาติไทย อาชีพลูกเรือ เดินทางถึงประเทศไทย วันที่ 9 ก.ย. 2563 ผ่านการคัดกรอง ณ ด่านกรมควบคุมโรค พบอาการเจ็บคอ จึงตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ผลพบเชื้อ
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ สถานที่กักตัวทางเลือกและโรงพยาบาลทางเลือกแล้วนั้น ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ผ่านการเข้ารับการเฝ้าระวังอาการมาแล้ว 14 วัน แม้ว่าภาครัฐจะมีมาตรการคัดกรองป้องกันควบคุมโรค ในผู้ที่เดินทางกลับเข้าประเทศทุกคนอย่างเคร่งครัด แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยอาจยังมีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการปะปนอยู่ในชุมชน จึงขอให้ประชาชนอย่าประมาทการป้องกันตนเองจากโรคโควิด 19 เน้นย้ำการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกนอกบ้านและอยู่ในที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่นยังมีความจำเป็นและต้องทำให้เป็นนิสัย
กรณีที่ไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ ให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยและหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่แออัดคนรวมกันจำนวนมาก ไม่นำตัวเองไปสัมผัสกับความเสี่ยง และเมื่อไปใช้บริการในสถานที่ต่างๆ ควรลงทะเบียน เข้า-ออก สถานที่ ในแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” ทุกครั้ง เพราะเมื่อพบผู้ติดเชื้อจะได้ใช้ข้อมูลติดตามผู้สัมผัสมาเฝ้าระวัง ตรวจวินิจฉัย เพื่อการป้องกัน ควบคุมโรคและช่วยกันรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในระดับต่ำต่อไป
นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือให้ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เมื่อกักตัวครบ 14 วัน และกลับสู่ภูมิลำเนาแล้ว ให้ยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยแยกตัวจากผู้อื่นต่อจนครบ 30 วันและสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อลดโอกาสที่จะแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่นต่อไป