นายรังสิมันต์ โรม ผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาระ���ุว่า เหตุระเบิดที่จังหวัดสงขลาเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2561 เกี่ยวโยงกับฝ่ายการเมือง โดยรังสิมันต์ เห็นว่าขณะนี้คนอยากเห็นประเทศเดินไปข้างหน้า แต่เหตุการณ์นี้อาจเป็นผลให้กลุ่มคนบางกลุ่มเอามาตีความแล้วใช้มาตรการพิเศษ ที่เป็นผลลัพท์ตรงกันข้ามกับหลักการประชาธิปไตย
ดังนั้น การสร้างความไม่สงบโดยใช้ระเบิดหรือความรุนแรงใดๆ ก็ตาม มองว่าไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายการเมือง และไม่คิดว่าสภาพที่ทหารครองเมืองจะกระทำได้โดยง่ายเช่นนี้
"ความเป็นจริงเราอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทหาร ขณะที่ใครมีระเบิดและอาวุธ จึงไม่ให้น้ำหนักว่านักการเมืองเป็นผู้ก่อเหตุ" รังสิมันต์ กล่าว
ส่วนกรณีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ บอกว่า "ถ้าเลือกเราจะไม่มีระเบิด" สะท้อนว่าการแก้ปัญหาของคนที่เป็นนักการเมือง และคิดแบบพลเรือน ไม่คิดว่าจะแก้ด้วยอาวุธความรุนแรง เพราะทุกฝ่ายอยากเห็นประเทศไทยเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และอยากเห็นการแก้ปัญหาด้วยกติกา เนื่องจากประเทศไทยอยู่กับสภาวะที่ไม่ไปไหน มีการใช้กำลังบังคับจัดการคนเห็นต่างตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน กรณีที่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้ให้โอวาทพลเอกประยุทธ์นั้น รังสิมันต์ ให้ความเห็นว่า ที่ผ่านมาเกือบ 5 ปี กลุ่มต่อต้านรัฐบาล คสช. คือประชาชน ไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่เป็นผู้รักความเป็นธรรมและรักประชาธิปไตย ต้องการให้ประเทศเดินหน้า และส่วนตัวเชื่อว่าการแก้ปัญหาด้วยกำลังอาวุธหรือการรัฐประหารไม่ใช่ทางออกของประเทศไทย แต่เชื่อว่าการพัฒนาประชาธิปไตยเป็นทางออก เพราะทุกคนเรียนรู้ว่าการอยู่ภายใต้สถานการณ์ถูกบังคับไม่ใช่ทางออกของสังคมไทย
"จึงไม่แปลกที่คนอย่างพลเอกเปรม จะออกมาให้ความเห็นเช่นนั้นและคนหลงผิดเรียนรู้แล้วว่าไม่ใช่ทางออก เพราะคนเริ่มตาสว่างเห็นว่าการรัฐประหาร ไม่ใช่ทางออกของสังคมไทย" รังสิมันต์ กล่าว
อ่านเพิ่มเติม