ไวล์ดเอด ระบุว่า ผู้เดินทางผ่านสนามบินสุวรรณภูมิของไทยในวันนี้ (25 พ.ค.) จะได้เห็นสื่อบิลบอร์ดของทูตองค์กรทั้ง 2 รายภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ทั้งระหว่างประเทศและภายในประเทศ ตลอดจนบริเวณจุดรับกระเป๋า รวมทั้งหมด 33 ป้าย ที่จะติดตั้งไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม 2561 โดยสื่อรณรงค์ของ เจย์ โจว ต้องการให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการปกป้องทะเล ด้วยการเลิกบริโภคซุปหูฉลาม และเมนูอื่นๆ ที่ทำจากฉลาม
รายงานของไวล์ดเอดที่เพิ่งเผยแพร่ไม่นานมานี้ เรื่อง “ฉลามเผชิญวิกฤต : ภัยคุกคามจากตลาดใหม่” (Sharks in Crisis: Evidence of Positive Behavioral Change in China as New Threats Emerge) เผยว่าแนวโน้มการบริโภคผลิตภัณฑ์จากฉลามในหลายๆ ประเทศกำลังขยายตัว เช่น ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเก๊า ในขณะที่ผลสำรวจพบว่า ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่เคยเป็นตลาดใหญ่ เริ่มบริโภคหูฉลามลดลง สะท้อนให้เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องสร้างความตระหนักให้ผู้บริโภคเห็นความสำคัญของฉลามที่มีต่อท้องทะเล
โดยในแต่ละปี มีฉลามราว 100ล้านตัวถูกฆ่า และครีบจากฉลามมากถึง 73 ล้านตัวถูกนำไปทำเป็นซุปหูฉลาม หรือเมนูจากฉลามอื่นๆ ขณะที่ประเทศไทยมีแนวโน้มจะเป็นตลาดผู้บริโภคที่สำคัญ เพราะคนไทยจำนวนมากไม่ทราบถึงความสำคัญของฉลามที่มีต่อท้องทะเล และไม่ทราบว่ามีการกระทำอันโหดร้ายเบื้องหลังเมนูหูฉลาม ที่ฉลามถูกลากขึ้นมาเพื่อเฉือนครีบของมันออกทั้งหมด ก่อนจะถูกโยนทิ้งกลับลงสู่ทะเล ซึ่งทำให้ฉลามเหล่านั้นต้องจมน้ำตายทั้งเป็น เนื่องจากสูญเสียครีบอันเป็นอวัยวะสำคัญในการดำรงชีวิต
ขณะที่บิลบอร์ดของเหยาหมิง ซึ่งยกกำปั้นชนกับงวงช้าง เป็นภาพเดียวกับที่ใช้ในประเทศจีน ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะที่มีต่อช้าง หลังจากที่จีนยุติการค้างาช้างในประเทศแล้วเมื่อต้นปี 2561 แต่สื่อรณรงค์ของเหยาหมิงในสนามบินสุวรรณภูมิ จะเป็นการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวไม่ซื้องาช้างในไทย พร้อมย้ำว่าการนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกนอกประเทศถือว่าผิดกฎหมาย
"หยุดซื้อ คือ หยุดฆ่า"
การรณรงค์ของไวล์ดเอดครั้งนี้ได้รับความสนับสนุนจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งเห็นด้วยกับการลดความต้องการผลิตภัณฑ์งาช้าง เพื่อให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยาน เผยว่าความต้องการผลิตภัณฑ์งาช้างกระตุ้นวิกฤตการฆ่าช้างเอางาในทวีปแอฟริกามากถึง 33,000 ตัวต่อปี เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลหลายประเทศเดินหน้าปิดตลาดค้างาช้างในประเทศแล้ว ขณะที่รัฐบาลไทยดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องช้าง รวมถึงการออกพระราชบัญญัติงาช้าง และแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ช้างแอฟริกันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ห้ามการซื้อขาย ผลิตภัณฑ์งาช้างแอฟริกันในไทย
“ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะหยุดยั้งการค้าผลิตภัณฑ์งาช้างผิดกฎหมาย เราเชื่อว่า การปราบปรามการค้างาช้างผิดกฎหมายนั้น จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ควบคู่ไปกับการลดความต้องการ ผลิตภัณฑ์งาช้าง กรมอุทยานฯ ขอร่วมสนับสนุนองค์กรไวล์ดเอดในการลดความต้องการงาช้างกับนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาไทย ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการงาช้างของรัฐบาล และแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยที่จะปกป้องช้างทั่วโลกอีกด้วย” นายปิ่นสักก์กล่าว
ส่วนนายจอห์น เบเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการรณรงค์ องค์กรไวล์ดเอด กล่าวว่า การได้รับการสนับสนุนจากทูตองค์กรที่มีชื่อเสียงทั่วโลก พันธมิตรสื่อ และภาครัฐในหลายประเทศ อย่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ของประเทศไทย ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ภารกิจหลักขององค์กร นั่นก็คือ การยุติการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายบรรลุผล
"ด้วยความอนุเคราะห์และสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทำให้สื่อรณรงค์ของเราเข้าถึงสาธารณชนมากขึ้น และหวังว่าจะหยุดยั้งความต้องการของมนุษย์ที่เป็นภัยคุกคามต่อสัตว์ป่าได้ เพราะหยุดซื้อ คือ หยุดฆ่า" นายเบเกอร์ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: