นางคริสตีน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ แสดงความเห็นเกี่ยวกับโครงการ One Belt One Road หรือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีนว่า ความท้าทายแรกของโครงการนี้คือการทำให้มั่นใจว่าเส้นทาง OBOR จะพาดผ่านไปในเส้นทางที่จำเป็นเท่านั้น
โครงการ One Belt One Road หรือโครงการเส้นทางสายไหมใหม่เป็นโครงการมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ริเริ่มขึ้นในปี 2556 เพื่อสร้างถนน ทางรถไฟ และท่าเรือตัดผ่านประเทศต่างๆ ตั้งแต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง ยุโรป และแอฟริกา โดยกล่าวว่าเส้นทางสายไหมใหม่นี้จะส่งเสริมการพัฒนาและการบูรณาการด้าน เศรษฐกิจ
หลายโครงการในเส้นทางสายไหมใหม่ของจีนสร้างโดยบริษัทของรัฐบาลจีน และปล่อยเงินกู้โดยจีน ส่งผลให้หลายประเทศเป็นหนี้จีนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนางลาการ์ดกล่าวว่าแม้การกู้ยืมเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานจะจำเป็นมาก สำหรับหลายประเทศ แต่ก็ไม่ควรให้เป็นเหมือนการให้ "ทุนอาหารกลางวันฟรี"
นางลาการ์ดเตือนว่าการร่วมทุนนี้อาจนำไปสู่การเพิ่มหนี้จำนวนมหาศาล ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาของประเทศเหล่านี้ และจะจำกัดการใช้จ่ายของรัฐบาลในโครงการอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงอยู่แล้ว การจัดการเงื่อนไขทางการเงินอย่างระมัดระวังจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
ผลการศึกษาของศูนย์เพื่อการพัฒนาระดับสากลระบุว่า 8 ประเทศมีความเสี่ยงสูงที่จะประสบปัญหาจากโครงการนี้ ได้แก่ ปากีสถาน มองโกเลีย ศรีลังกา จิบูติ มัลดีฟ ลาว มอนเตเนโกร ทาจิกิสถาน และคีร์กีซสถาน โดยศรีลังกามีหนี้สาธารณะสูงอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีทางเลือกมากนัก จึงต้องยอมให้จีนเช่าระยะยาวท่าเรือน้ำลึกฮัมบันโตตา ซึ่งเป็นท่าเรือยุทธศาสตร์และมีเรือเทียบท่าจำนวนมาก เพื่อเป็นการใช้หนี้ให้จีน
นอกจากนี้ นางลาการ์ดเตือนว่า ค่าใช้จ่ายมหาศาลในโครงการนี้อาจทำให้มีความพยายามที่จะฉกฉวยผลประโยชน์ในขั้นตอนการเลือกและประมูลโครงการ ประสบการณ์จากทั่วโลกแสดงให้เป็นว่าความเสี่ยงที่โครงการจะล่มหรือใช้งบประมาณอย่างไม่ถูกต้องอยู่เสมอ เธอจึงแนะนำว่าผู้นำจีนควรปรับปรุงเรื่องความโปร่งใสเกี่ยวกับการตัดสินใจกำหนดเส้นทาง OBOR ด้วยการสร้างแหล่งข้อมูลที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดให้คนเข้าไปดูได้อย่างเปิดเผย
ก่อนหน้านี้ นายสีจิ้นผิงโต้แย้งว่า โครงการ OBOR ไม่ได้เหมือน "แผนมาร์แชล" ที่สหรัฐฯ ให้ประเทศในยุโรปกู้เงินไปฟื้นฟูประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือเป็นกลอุบายของจีน แต่เป็นแผนแห่งความสดใส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :