ไม่พบผลการค้นหา
กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ เสนอให้มีการตรวจข้อมูลการใช้งานโซเชียลมีเดียของผู้ที่ขอวีซาเข้าสหรัฐฯ ทุกคน เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย

กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ เสนอให้มีการตรวจข้อมูลการใช้งานโซเชียลมีเดียของผู้ที่ขอวีซาเข้าสหรัฐฯ ทุกคน ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ขอวีซาเข้าสหรัฐฯ ทั้งหมดกว่า 15 ล้านคน ไม่ว่าจะเป็นวีซาท่องเที่ยว วีซาทำงาน หรือวีซาผู้ลี้ภัย ต้องเปิดเผยข้อมูลการใช้โซเชียลมีเดียของตัวเอง เช่น บัญชีเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรือทวิตเตอร์ ให้ทางการสหรัฐฯ ตรวจสอบ และการตรวจสอบก็จะครอบคลุมข้อมูลย้อนหลังถึง 5 ปี นอกจากนี้ ผู้ขอวีซาเดินทางเข้าสหรัฐฯ อาจจะต้องระบุบัญชีอีเมลที่ใช้งานและเคยใช้งาน รวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์ที่เลิกใช้งานไปแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วย

มาตรการใหม่นี้ของกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ เป็นไปตามนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องการคัดกรองผู้ที่จะเดินทางเข้าสหรัฐฯ ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้าสหรัฐฯ ในคราบนักท่องเที่ยวหรือผู้ลี้ภัย ซึ่งมาตรการใหม่นี้จะกระทบต่อผู้ที่กำลังขอวีซาลี้ภัยและอพยพมายังสหรัฐฯ กว่า 710,000 คน และผู้ที่กำลังขอวีซาท่องเที่ยวและทำงานในสหรัฐฯ อีกกว่า 14 ล้านคน 

นอกจากนี้ ผู้ขอวีซาอาจจะถูกถามด้วยว่าเคยถูกเนรเทศหรือขับไล่จากประเทศใดมาก่อนหรือไม่ หรือเคยมีสมาชิกในครอบครัวที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายหรือไม่ 

ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ก็ได้เริ่มใช้มาตรการตรวจสอบข้อมูลโซเชียลมีเดียของผู้มาขอวีซาบ้างแล้ว แต่จะตรวจเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย เช่น บางประเทศในตะวันออกกลางเท่านั้น แต่มาตรการใหม่นี้จะครอบคลุมผู้ขอวีซาเข้าสหรัฐฯแทบจะทุกคน โดยยกเว้นแค่คนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น เช่น นักการทูต 

ภาพ: AP