ไม่พบผลการค้นหา
อธิบดีอัยการภาค 7 สั่งฟ้อง 'เปรมชัย' กับพวกรวม 4 คน ตามคำสั่งเดิม ไม่จำเป็นต้องสั่งสอบสวนเพิ่มเติมตามคำร้องของนายเปรมชัย เตรียมยื่นฟ้องศาลทองผาภูมิวันนี้ ( 30 เม.ย.) ด้าน 'ศศิน' โพสต์เฟซบุ๊กชวนประชาชนส่งนายเปรมชัยขึ้นศาล 5 พ.ค. นี้

นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 ได้แถลงความคืบหน้าในการพิจารณาคดี นายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2561 ว่าได้พิจารณาสำนวนคดีแล้วมีคำสั่ง ดังนี้ สั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ, ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตฯ, ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ, ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าฯ, ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย,ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ 

สั่งฟ้อง นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพา เอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย, ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ

สั่งฟ้องนางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย, ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ

สั่งฟ้องนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพา เอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย, ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตฯ

เปรมชัย.jpg

และสั่งไม่ฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 นางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 นายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธ์สัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และกันร่วมกันกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์ป่าโดยไม่มีเหตุอันสมควร   

สั่งไม่ฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ฯ

สั่งไม่ฟ้องนายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 ฐานร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต ฯ

สั่งไม่ฟ้องนางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธ์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตฯร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธ์ป่าโดยไม่ดีรับอนุญาตฯ 

อธิบดีอัยการภาค 7 ได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พิจารณากรณีสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาบางคน บางข้อหา ต่อมาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ถึง ที่ 4 ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธ์ป่าฯ ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ถึงที่ 3 ฐานร่วมกันพยายามล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ฯ และผู้ต้องหาที่ 3 ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธ์ป่าฯ และร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองฯ และได้ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นแย้ง ไปยังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาดความเห็นแย้งดังกล่าว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561

เปรมชัย1.jpg

บัดนี้ อัยการสูงสุด ได้ชี้ขาดความเห็นแย้งดังกล่าวแล้ว โดยมีคำสั่งเห็นพ้องกับคำสั่งไม่ฟ้องของอธิบดีอัยการภาค 7 ดังนี้

1. ชี้ขาดไม่ฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 นางนทีหรือเดือน เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 

2. ชี้ขาดไม่ฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 นางนทีหรือเดือน เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 ฐานร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่า (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 

3. ชี้ขาดไม่ฟ้อง นางนทีหรือเดือน เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่        

ต่อมา เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีอัยการภาค 7 ขอให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานที่อยู่ของนายเปรมชัยฯ ในช่วงวันเวลาเกิดเหตุ พร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาด้วย และขอให้สอบสวนเจ้าหน้าที่เขตรักษาสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก 3 คน รวมทั้งให้สอบสวนบุคคลภายนอกและนายวิเชียร ชิณวงษ์ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม 

คณะทำงานและอธิบดีอัยการภาค 7 พิจารณาแล้วเห็นว่า เอกสารที่นายเปรมชัยฯ ส่งมาประกอบคำร้องขอความเป็นธรรมรวมทั้งการขอให้สอบพยานบุคคลเพิ่มเติมนั้น คณะทำงานและอธิบดีอัยการภาค 7 พิจารณาแล้วเห็นว่าพยานที่อ้างถึงมิใช่พยานที่เกี่ยวข้องในคดี เป็นเพียงผู้ที่แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนเท่านั้น ส่วนพยานที่เกี่ยวข้องตามประเด็นที่นายเปรมชัยฯ ร้องขอความเป็นธรรมนั้นได้มีการสอบสวนพยานดังกล่าวไว้แล้ว คำร้องขอความเป็นธรรมของนายเปรมชัยฯ จึงมีลักษณะเป็นการประวิงคดี ทั้งข้อเท็จจริงตามสำนวนการสอบสวนได้ความครบถ้วนแล้ว จึงไม่จำต้องสอบสวนเพิ่มเติมตามประเด็นที่นายเปรมชัยฯ ร้องขอความเป็นธรรม

ทั้งนี้ อัยการจังหวัดทองผาภูมิ ได้ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต กับพวกรวม 4 คน ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ตามคำสั่งฟ้องของอธิบดีอัยการภาค 7 ในวันนี้ (30 เม.ย.) แล้ว

คดีเสือดำ

ด้านนายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ผ่านมาใกล้ครบ 3 เดือน ไม่รู้ว่านายเปรมชัยมีความสำนึกอะไรเพิ่มแล้วบ้าง เริ่มที่คุณทราบไหมว่าป่าที่คุณเข้าไป เป็น "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า" ไม่ใช่ป่าสงวนแห่งชาติที่คุณเคยไปสร้างเขื่อนเขาแหลม เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นแหล่งรักษาแหล่งประชากร และพันธุกรรมสัตว์ป่า?

"ถ้าคุณไม่รู้ แสดงว่าคุณทำโครงการพัฒนาเข้าป่าไทย ลาว พม่า มากมาย คุณไม่สนใจอะไรมากกว่า ผลประโยชน์หน้างานของท่าน มีข่าวลือเรื่องพฤติกรรมแบบนี้ของคุณพอสมควร ว่าคุณชอบไปตามไซต์งานในป่าเพื่อทำพฤติกรรมนี้ ในป่าที่คุณเข้าไปมันไม่ใช่ป่าที่เป็นป่าอนุรักษ์รูปแบบเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรืออุทยานแห่งชาติ ที่มีกฎหมายและเจ้าหน้าที่ดูแลเข้มงวด ไม่เหมือนป่าทั่วๆไปที่เขาอนุญาตให้คุณเข้าไปทำโครงการก่อสร้าง ที่ทุ่งใหญ่คุณเข้าไปโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และก็บังเอิญทำตามพฤติกรรมที่เคยทำ

บังเอิญว่าคุณรู้ และทราบมาด้วยว่าสัตว์ป่าขนาดใหญ่ โดยเฉพาะสัตว์ผู้ล่าอย่างเสือใหญ่ มีจำนวนประชากรพอสมควรที่จะรักษาให้อยู่รอดตามธรรมชาติก็แค่ที่ป่าทุ่งใหญ่ต่อห้วยขาแข้งนี้ และคุณย่ามใจว่าคอนเนคชั่นของคุณ ความยิ่งใหญ่ทางธุรกิจของคุณมีอภิสิทธิพอที่จะเข้าไปทำพฤติกรรมแบบนี้ และคุณตั้งใจที่จะเข้าไปเพื่อสร้างผลงานอดิเรกส่วนตัวที่เป็นพิเศษ ก็จะบ่งบอกตัวตนของคุณได้อีกขั้นหนึ่ง

วันนี้สังคมแสดงออกว่าไม่ยอมรับในสิ่งที่คุณทำลงไป คุณมีทางเลือกสามทาง 1) ยอมสารภาพรับผิด 2) หนีคดีไปต่างประเทศ 3)เลือกที่จะสู้คดีในรับโทษน้อยที่สุด วันนี้คุณแสดงว่ากำลังเลือกทางเลือกสุดท้าย แสดงว่าคุณไม่มีสำนึกในความผิด และกำลังถลำตัวไปในความผิดอื่นๆ คือใช้อำนาจเงินใช้เทคนิคกฎหมายและผู้คนที่เกี่ยวข้องให้ช่วยคนผิด และสร้างบรรทัดฐานให้สังคมเชื่อต่อไปว่า "คนรวยทำผิดไม่ติดคุก" พร้อมเชิญชวนประชาชนผู้สนใจร่วมกิจกรรมส่งเปรมชัยขึ้นศาล 5 พ.ค. หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร"