วันนี้ (13 พ.ย. 66) ทพ.เทพดรุณ สุรฤทธิ์ธำรง บิดานายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นางพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อสำนักงานประธานศาลฎีกา กรณีคำพิพากษาคดีของเก็ท โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ขัดกับตัวบทกฎหมาย สืบเนื่องจากคดีแดงที่ อ.2410/2566 คดีดำที่ อ.1447/2565 ที่อ่านคำพิพากษาศาลชั้นตันเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 ณ ศาลอาญา พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และ 112 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และพระราชินี ความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน
นางสาวทานตะวัน อ่านจดหมายเปิดผนึก ว่า คำพิพากษาข้างต้นขัดกับตัวบทกฎหมาย เนื่องด้วย พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4 กำหนดว่าผู้ที่จะใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าต้องได้รับอนุญาต และมาตรา 9 กำหนดว่าผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 4 มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท ดังนั้นในคำพิพากษาได้กำหนดบทลงโทษฐานใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน จึงเป็นการตัดสินลงโทษโดยปราศจากบทบัญญัติกฎหมายใดๆ รองรับ พร้อมทั้งเห็นว่าประโยคคำพูดของนายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ตามคำฟ้องในคดีนี้ เป็นประโยคที่จำเลยได้ใช้เพียงสรรพนามบุรุษที่ 2 เป็นประธานของประโยค ซึ่งตามหลักไวยากรณ์หมายถึง ผู้ฟังซึ่งหน้าในขณะนั้นโดยตรง
“เราขอร้องเรียนศาลฎีกาให้ตรวจสอบว่า การตัดสินดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือไม่ หากเป็นความผิดพลาดควรต้องชี้แจงแก้ไขความผิดพลาดอย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิพื้นฐานของประชาชนอย่างรุนแรง เพื่อเป็นการธำรงความเป็นธรรมในสังคมที่ประชาชนควรจะต้องได้รับจากศาลยุติธรรม” นางสาวทานตะวัน กล่าว
ต่อมา ในเวลา 13.30 น. ที่ประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มฯได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยมีตัวแทนจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับเรื่องเพื่อนำเรียนนายกรัฐมนตรีต่อไป