หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทม์ รายงานว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาบริเวณเขตจังหวัดสตรังตรึง กัมพูชาติดกับชายแดนกัมพูชา-ลาว พบลูกโลมาอิรวดีเกยตื้นเสียชีวิตอยู้่ริมฝั่งบริเวณหมู่บ้านพระรัมเกล ซึ่งชาวบ้านสัณนิษฐานสาเหตุการเสียชีวิตว่า เป็นเพราะขาดอาหาร
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่เมืองโขง แขวงจำปาสัก สปป.ลาวกล่าวกับผู้สื่อข่าววอยซ์ออนไลน์ว่า ประชาชนในเขตดอนสะดำติดกับเขตสตรังตรึง ชายแดนกัมพูชาและใกล้กับบริเวณก่อสร้างเขื่อนดอนสะโฮงต่างกล่าวว่าพบเห็นปาข่า หรือโลมาอิรวดีเกยตื้นเสียชีวิต ซึ่งตัวที่พบนั้นเป็นลูกโลมาอายุประมาณ 3 เดือน และสำหรับสาเหตุการตายนั้นยังไม่ทราบสาเหตุ
เจ้าหน้าที่กล่าวเพิ่มเติมว่า ปกติในฝั่งลาวจะไม่ค่อยพบโลมาอิรวดี แต่จะพบมากในเขตฝั่งของกัมพูชา ซึ่งโลมามักจะเข้าไปเล่นน้ำและหาอาหารในฝั่งกัมพูชามากกว่า
(ภาพจากขแมร์ไทม์)
นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมชาวกัมพูชาชุม ฮุท กล่วกับขแมร์ไทม์ว่า การตายของปลาโลมานี้อาจเกิดจากการขาดอาหาร เนื่องมาจากการก่อสร้างเขื่อนดอนสะโฮงในเขตของประเทศลาว ซึ่งปัจจุบันทำให้ปลาตัวเล็กตัวน้อยที่เป็นแหล่งอาหารของปลาโลมานั้นมีจำนวนน้อยลงอย่างมาก
ตัก วันนารา ผู้อำนวยNGO Forum กล่าวว่า เขตการก่อสร้างเขื่อนดอนสะโฮงนั้นอยู่ห่างจากบริเวณที่พบปลาโลมาขึ้นไปเพียง 2 กิโลเท่านั้น
โลมาอิรวดี หรือปาข่าในภาษาลาว ได้รับการขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของลาว เมื่อปี 2016 WWF ทำการสำรวจพบว่า ในแม่น้ำโขงมีประชากรโลมาอิรวดีเหลือเพียงแค่ 80 ตัวเท่านั้น และในฝั่งปะเทศลาวพบว่าเหลือโลมาอิรวดีเพียงแค่ 3 ตัว
โครงการก่อสร้างเขื่อนดอนสะโฮงเป็นหนึ่งในโครงการก่อสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงทั้ง 11 แห่งของประเทศลาว ปัจจุบันมีการก่อสร้างไปแล้วกว่า 30เปอร์เซ็น ซึ่งบริษัทผู้ร่วมลงทุนนั้นเป็นบริษัทเมกะเฟิร์สของมาเลเซีย
รายงานขององค์กรแม่น้ำสากลรายงานว่า การก่อสร้างเขื่อนดอนสะโฮงจะส่งผลกระทบต่อปลาบริเวณแม่น้ำโขงตอนล่าง โดยเฉพาะในเขตสีพันดอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปลาอพยพและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาตามธรรมชาติที่สำคัญของโลกแห่งหนึ่งที่จะว่านผ่านบริเวณที่เรียกว่า รูสะโฮง ทั้งนี้การก่อสร้างเขื่อที่เกิดขึ้นจะไปกั้นขวางบริเวณรูสะโฮงนี้ ซึ่งถือเป็นการคุกคามเส้นทางการอพยพของปลาและแหล่งอาหารของปลาในเเม่น้ำโขง