ไม่พบผลการค้นหา
วันนี้ เป็นวันที่ครบรอบ 9 ปีเหตุการณ์ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบ 3 พรรคการเมือง เหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองไทยจนนำไปสู่การพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล


แม้จะล่วงเลยมาเป็นเวลา 9 ปี แต่คดียุบพรรคการเมือง 3 พรรค ประกอบด้วย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ถือเป็นคดีทางการเมืองที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติยุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรคดังกล่าวเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 ด้วยข้อกล่าวหากระทำการที่เข้าข่ายทุจริตการเลือกตั้ง พร้อมทั้งตัดสิทธิเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรค จำนวน 109 คน เป็นเวลา 5 ปี

กลายเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งสำคัญในขณะนั้น เพราะทำให้รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องล้มลง หลังเข้ามาบริหารประเทศเพียงเวลาสั้นๆเกือบ 3 เดือน

คดีดังกล่าวเป็นผลมาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ได้มีมติเสียงข้างมากแจกใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนและรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เนื่องจากพบว่ามีการกระทำที่น่าเชื่อได้ว่าทุจริตการเลือกตั้ง 

ทำให้ กกต.มีมติส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 237 ในกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ากรรมการบริหารพรรคปล่อยปละละเลยหรือไม่ได้ยับยั้งการกระทำผิดของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ก็ให้ส่งคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคได้

เช่นเดียวกับ พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ก็ถูก กกต.มีมติเสียงข้างมากส่งคำร้องไปยังอัยการสูงสุดขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคด้วย เพราะมีกรรมการบริหารพรรคการเมืองกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง 

คดียุบ 3 พรรคการเมืองยังเกิดขึ้นในช่วงบรรยากาศทางการเมืองตึงเครียด จากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ออกมาขับไล่รัฐบาลนายสมชาย

การยึดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองของกลุ่มผู้ชุมนุม ยังเป็นตัวเร่งให้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบ 3 พรรคการเมือง

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ "พรรคพลังประชาชน" เปลี่ยนมาเป็นชื่อใหม่ คือ "พรรคเพื่อไทย" ขณะที่ "พรรคชาติไทย" เปลี่ยนมาเป็น "พรรคชาติไทยพัฒนา"  "พรรคมัชฌิมาธิปไตย" ต้องโยกสมาชิกพรรคมาใช้ชื่อ "พรรคภูมิใจไทย"

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนั้นยังถูกมองว่าเป็น "ตุลาการภิวัฒน์" เพื่อเปลี่ยนแปลงฝ่ายนิติบัญญัติและบริหาร โดยพลิกโฉมหน้าการเมืองไทย และเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล 

โดยพรรคร่วมรัฐบาลเดิมหันไปสนับสนุนให้ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่มีเสียง ส.ส. ในสภาเป็นอันดับสองรองจากพรรคเพื่อไทย ให้ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27