องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลทำการสำรวจเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่าร้อยละ 93 ของผู้ตอบแบบสอบถาม 5,000 คน ในเมียนมา ไทย เวียดนาม รวมถึงฮ่องกงและญี่ปุ่น บอกว่าตลาดค้าสัตว์ป่าที่ไม่ถูกควบคุมควรถูกปิดเพื่อป้องกันการระบาดของโรคในอนาคต ร้อยละ 80 เชื่อว่าการปิดตลาดค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายและไม่ได้รับการควบคุมทั้งหมด จะช่วยป้องกันการระบาดของโรคอื่นๆที่คล้ายกันในอนาคตได้ ซึ่งจากผลสำรวจพบว่าเมียนมาเป็นประเทศที่มีสัดส่วนผู้ตอบแบบสอบถามมีแนวโน้มสนับสนุนการปิดตลาดค้าสัตว์ป่ามากที่สุด โดยการค้าสัตว์ป่าในเมียนมาดำเนินไปอย่างเปิดเผยมาหลายปีในเขตปกครองตนเองใกล้ชายแดนจีน ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถาม 1 ใน 3 ในเวียดนามบอกว่าวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ทำให้พวกเขาหยุดการบริโภคผลิตภัณฑ์สัตว์ป่า
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดไปทั่วโลกและคร่าชีวิตผู้คนไปมากมายตอนนี้มีจุดกำเนิดมาจากตลาดค้าสัตว์ป่าในเมืองอู่ฮั่นของจีน ซึ่ง 'คริสตี วิลเลียมส์' ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลชี้ว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับสัตว์ป่าอีกต่อไป แต่เป็นปัญหาความมั่นคง สุขภาพของผู้คนและปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลก
หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 จีนได้ห้ามการเพาะเลี้ยงและบริโภคสัตว์ป่า แต่คำสั่งดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมการค้าสัตว์ในฐานะที่เป็นสัตว์เลี้ยงและเพื่อผลิตยาแผนจีน ขณะที่นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้มีคำสั่งให้กระทรวงเกษตรร่างคำสั่งที่คล้ายกัน โดยห้ามค้าและบริโภคสัตว์ป่า
อย่างไรก็ตาม 'เจเรมี ดักลาส' ผู้แทนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติระบุว่า การค้าสัตว์ป่าบางอย่างได้ถูกผลักลงไปใต้ดิน โดยแสดงความกังวลเป็นพิเศษต่อพื้นที่เขตปกครองตนเองบริเวณชายแดนเมียนมา-จีน ซึ่งควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์และเป็นแหล่งค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายมาอย่างยาวนาน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จากการพูดคุยกับผู้พักอาศัย 2 คน ในเมืองมงลาหรือเมืองลาของเมียนมาซึ่งติดชายแดนจีนและเป็นแหล่งลักลอบค้าสัตว์ป่า ทั้งคู่บอกว่าตลาดต่างๆ ยังคงเปิดอยู่แต่ร้านค้าสัตว์ป่าถูกปิด เนื่องจากมีการปิดเส้นทางรถยนต์ทำให้ไม่สามารถดำเนินเส้นทางการค้าต่อไปได้