ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ประกาศความร่วมมือกับอาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป เปิดตัว “Climate Technology Platform” เพื่อช่วยธุรกิจต่าง ๆ ระบุความท้าทายการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้เทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนของประเทศ
ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 40% ภายในปี 2573 และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการเร่งด่วนด้านการเติบโตที่ยั่งยืน Climate Technology Platform ของ ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ที่ทำงานร่วมกับ Energy Expert ของอาลีบาบา คลาวด์ จะช่วยปูทางสู่การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญ
Climate Technology Platform ออกแบบอย่างโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น คลาวด์, IoT และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่จากการรวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแหล่งสู่แพลตฟอร์ม DataVisor สมองกลอัจฉริยะของทรู ดิจิทัล ผสานพลัง AI ประมวลผลข้อมูลเชิงลึกบนแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics Platform) และ Energy Expert ของอาลีบาบา คลาวด์ ทำให้ Climate Tech เป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่สามารถรองรับทุกมิติในการใช้เทคโนโลยีช่วยจัดการเรื่อง Climate แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่:
นายเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทรู ดิจิทัล ในฐานะกลุ่มธุรกิจที่ขับเคลื่อนบริการดิจิทัลของทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนแก่องค์กรธุรกิจ รวมถึงเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ และเชื่อว่า เทคโนโลยีสามารถช่วยแก้ไขปัญหาและรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบัน ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ส่งผลกระทบด้านสุขภาพและการใช้ชีวิตของคนทั่วโลก ทรู ดิจิทัล จึงพัฒนา “Climate Technology Platform” นวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการสภาพภูมิอากาศ รวมถึงสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการลดคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถสร้างคุณค่าและเติบโตได้อย่างยั่งยืน นำร่องด้วยเทคโนโลยีด้านพลังงาน (Energy) ยกระดับการบริหารจัดการการใช้พลังงานขององค์กรธุรกิจและการใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจ โดยร่วมมือกับ อาลีบาบา คลาวด์ ผนวกความเชี่ยวชาญและความสามารถที่โดดเด่นของทรู ดิจิทัล ในการควบรวมหลากหลายเทคโนโลยี ทำงานร่วมข้อมูลมหาศาล สร้างสรรค์นวัตกรรมโซลูชันสำหรับองค์กรธุรกิจ เข้ากับศักยภาพของ Energy Expert ของ อาลีบาบา คลาวด์ ซึ่งเป็นโซลูชันด้านความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับและนำไปใช้ในระดับโลก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแก่องค์กรธุรกิจในการจัดการด้านพลังงานและบริหารการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมด้วยระบบอัตโนมัติ (Automation) ที่ช่วยเสริมการทำงานของบุคลากรในการบริหารจัดการพลังงาน นำไปสู่การวางแผนการใช้พลังงานได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่า ทั้งนี้ ทรู ดิจิทัล มีแผนต่อยอด Climate Technology Platform ให้ครอบคลุมอีกหลากหลายเทคโนโลยี เพื่อช่วยบริหารจัดการสภาพภูมิอากาศ รวมถึงสภาพแวดล้อม อาทิ เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับอาคาร และ นวัตกรรมกระบวนการทางอุตสาหกรรม ปูทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero) และสร้างสมดุลความยั่งยืนทั้งการเติบโตของธุรกิจและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”
นายวิลเลี่ยม ซอง รองประธาน อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ และผู้จัดการทั่วไปธุรกิจระหว่างประเทศด้านโซลูชันอุตสาหกรรม กล่าวว่า “อาลีบาบา คลาวด์ ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการเทคโนโลยี แต่เรายังช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืน เราได้นำโซลูชันด้านความยั่งยืนที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาสู่ประเทศไทยผ่านความร่วมมือกับทรู ดิจิทัล กรุ๊ป เพื่อเสริมแกร่งให้ธุรกิจต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้มีความสามารถใหม่ ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงาน ความร่วมมือครั้งนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการโซลูชันที่ทำงานด้วยประสิทธิภาพเป็นเลิศ รวมถึงความทุ่มเทต่อแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืน”
โรงพยาบาลกรุงเทพเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการใช้ Climate Technology Platform บริหารจัดการระบบปรับอากาศ (Air conditioning and ventilation system หรือ HVAC) ของโรงพยาบาล ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร ส่งผลให้สามารถลดการใช้พลังงานเฉลี่ยต่อเดือนมากถึง 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ธุรกิจบริการด้านสุขภาพ เป็นภาคส่วนที่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก โรงพยาบาลกรุงเทพจึงไม่เพียงมุ่งมั่นที่จะให้บริการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด แต่ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญด้วย อย่างไรก็ตาม สภาพภูมิอากาศแบบเขตร้อนของประเทศไทย ทำให้ระบบปรับอากาศจำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานในปริมาณมาก นับเป็นความท้าทายของโรงพยาบาลในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบทำความเย็นภายในอาคาร โรงพยาบาลกรุงเทพจึงได้ดำเนินกลยุทธ์ใหม่ด้านการลดใช้พลังงานตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา
นายประสาท คูเสริมมิตร ผู้จัดการฝ่าย งานบริหารระบบอาคาร โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า “การใช้ความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลโซลูชัน อุปกรณ์ IoT และโครงสร้างพื้นฐาน ของทรู ดิจิทัล กรุ๊ป รวมถึง Climate Technology Platform เพื่อติดตามและบริหารจัดการระบบพลังงานของโรงพยาบาล เช่น ระบบทำความเย็น ควบคู่กับการใช้ Energy Expert ที่ทรงประสิทธิภาพด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและให้การคาดการณ์เชิงลึกของ อาลีบาบา คลาวด์ ช่วยให้โรงพยาบาลมีความก้าวหน้าที่ชัดเจนด้านประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญ แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้เราใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของเรา และเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับวงการการดูแลสุขภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
นายเอกราช กล่าวเสริมว่า “Climate Technology Platform เป็นรูปแบบธุรกิจในลักษณะ platform-as-a-service มอบเครื่องมือที่ใช้งานได้จริงและเชื่อถือได้ให้กับองค์กรที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร จัดการพลังงาน ประหยัดการใช้พลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยให้ปรับแต่งฟังก์ชันต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่นเพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละภาคธุรกิจ โดยไม่ต้องลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เราคาดหวังว่าแพลตฟอร์มนี้จะให้การสนับสนุนและรองรับการดำเนินงานของธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทยทั้งในแวดวงการดูแลสุขภาพและอื่น ๆ ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น ค้าปลีก เกษตรกรรมภาคการผลิต เป็นต้น”
โซลูชัน Energy Expert ของอาลีบาบา คลาวด์ ประสบความความสำเร็จในการใช้งานระดับโลก มีการนำไปใช้ในองค์กรมากกว่า 3,000 แห่งทั่วโลก เพื่อวัด วิเคราะห์ และบริหารการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้มีประสิทธิภาพ โซลูชันนี้โดดเด่นด้วยความสามารถในการให้ข้อมูลเชิงลึก และให้คำแนะนำเพื่อประหยัดพลังงาน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายอย่างมากเมื่อเทียบกับเครื่องมือวัดค่าแบบดั้งเดิม