ไม่พบผลการค้นหา
นับเป็นข่าวดีที่สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดานักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เมื่อมีการค้นพบเพนกวินอาเดลี (Adelie) จำนวน 1.5 ล้านตัว บนหมู่เกาะเดนเจอร์ ไอแลนด์ส (Danger Islands) พื้นที่ห่างไกลในแถบแอนตาร์กติกตะวันออก เนื่องจากเดิมทีพวกเขากำลังเป็นกังวลกันว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอาจส่งผลให้ประชากรเพนกวินอาเดลีลดลงเรื่อยๆ
000_11N20M.jpg

ผลการสำรวจสำมะโนประชากรเพนกวิน ซึ่งตีพิมพ์ลงในวารสารไซเอินทิฟิก รีพอร์ตส (Scientific Reports) ระบุว่า ค้นพบเพนกวินอาเดลีวัยวัยผสมพันธุ์จำนวน 751,527 คู่ บนหมู่เกาะเดนเจอร์ ห่างออกไปเพียง 160 กิโลเมตร ทางตะวันตกของแอนตาร์กติก 

ฮีเธอร์ ลินช์ (Heather Lynch) นักวิจัยของมหาวิทยาลัยสโตนี บรูค กล่าวว่า การค้นพบดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากๆ และมันอาจเปรียบเป็นอาณาจักรเพนกวินอาเดลีขนาดใหญ่อันดับ 3 หรือ 4 ของโลก เพราะในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ตัวเลขของเพนกวินอาเดลีลดลงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อน

สำหรับเพนกวินอาเดลีนเป็น 1 ใน 5 สายพันธ์ุเพนกวินที่ยังคงเหลืออยู่บนโลก และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกาฝั่งขั้วโลกใต้ มันเป็นเพนกวินขนาดกลาง ความสูงเฉลี่ย 70 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 3-6 กิโลกรัม มีลักษณะเด่นอยู่ตรงวงกลมสีขาวรอบด้วงตา และขนบริเวณหางที่ยาวกว่าเพนกวินชนิดอื่นๆ

000_11N20E.jpg352145bdcaf651a7d9dbff70d158ec30b4667de2.jpg

สำหรับหมู่เกาะแดนเจอร์บริเวณที่ค้นพบเพนกวินอาเดลีน ตั้งอยู่ตรงจุดปลายสุดของแอนตาร์กติก ใกล้กับทวีปอเมริกาใต้ และมนุษย์แทบไม่เคยเดินทางไปเยือน โดยเกาะในแถบแอนตาร์กติกที่เข้าถึงง่ายสุดคือ เอโรอีนา (Heroina) ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ก็สามารถเข้าไปได้ด้วยเรือเพียง 1 ครั้งต่อปีเท่านั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนาจากทะเลตลอดทั้งปี แม้ในช่วงฤดูร้อนก็ยากจะเข้าไปทำการสำรวจ

อย่างไรก็ตาม การค้นพบครั้งล่าสุดเกิดจากการสำรวจด้วยดาวเทียมสังเกตการณ์ขององค์การนาซา สหรัฐฯ และสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ซึ่งร่วมมือกับคณะนักวิจัยจากสหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส โดยเบื้องต้นทีมงานนำภาพสำรวจจากดาวเทียมมาส่องด้วยกล้องความละเอียดสูง และพวกเขาคิดว่าการปรากฏตัวของเพนกวินนับร้อยนับพันบนเกาะมันเป็นความผิดพลาดของภาพถ่าย เพราะหมู่เกาะดังกล่าวไม่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเพนกวินมาก่อน

ทว่าหลังจากเลือกใช้การสำรวจภาคพื้นดินตามแบบฉบับเดิมผสมผสานกับการใช้โดรนถ่ายรูป นอกจากจะพบเพนกวินอาเดลีแล้ว ยังพบรังเพนกวินเจนทู (Gentoo) ประมาณ 100 รัง และเพนกวินชินสแตรป (Chinstrap) จำนวน 27 รัง

000_11N20Q.jpg

“เราโชคดีมากๆ ที่ตอนเดินทางไปสำรวจทะเลน้ำแข็งเปิดออกทำให้ล่องเรือเข้าไปได้” ผู้นำทีมวิจัยกล่าว พร้อมเน้นย้ำด้วยว่า หมูู่เกาะเล็กๆ แห่งนี้มีความสำคัญมาก และจำเป็นที่จะต้องปกป้องพื้นที่อย่างจริงจัง โดยไม่ปล่อยให้มีการประมงกร้ำกรายเข้าไป