ไม่พบผลการค้นหา
ที่ผ่านมา วงการมวยปล้ำเป็นพื้นที่ของผู้ชาย และนักมวยปล้ำหญิงถูกมองว่ามีหน้าที่เป็นเพียงวัตถุทางเพศ สร้างความบันเทิงในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ แต่โซเชียลมีเดียได้ทำให้ WWE ต้องเปิดพื้นที่ให้นักมวยปล้ำหญิงได้แสดงฝีมือกันมากขึ้น

World Wrestling Entertainment หรือ WWE เป็นบริษัทที่สร้างความบันเทิงจากการแสดงมวยปล้ำมาตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นรายการรายสัปดาห์ที่ถ่ายทอดมายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โทรทัศน์ของสหรัฐฯ ล่าสุด WWE ได้ลงนามข้อตกลงกับ Next VR เพื่อจำลองประสบการณ์การเป็นนักมวยปล้ำ ซึ่งผู้ใ��้ VR จะได้แข่งตัวต่อตัวกับนักมวยปล้ำซูเปอร์สตาร์ส นอกจากนี้ WWE ยังลงนามข้อตกลงกับบริการวิดีโอ ออน ดีมานด์ของเฟซบุ๊ก เพื่อให้แฟน WWE ดูการแข่งขันฝ่านเฟซบุ๊กได้อีกหนึ่งช่องทาง

นอกจากจะต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปแล้ว WWE ยังต้องปรับตัวกับทัศนคติที่เปลี่ยนไปของผู้ชมอีกด้วย โดยเมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา เอ.เจ. เมนเดส อดีตนักมวยปล้ำหญิงได้เริ่มติดแฮชแท็ก #GiveDivasAChance ในทวิตเตอร์เพื่อเรียกร้องให้ WWE ให้โอกาสและเพิ่มเวลาออกอากาศให้กับนักมวยปล้ำหญิง ซึ่ง WWE เรียกว่า ดีวาส์ และแฟนมวยปล้ำก็เห็นด้วย จนทำให้แฮชแท็กนี้ติดเทรนด์ทั่วโลกของทวิตเตอร์ 3 วัน 3 คืนติดต่อกัน 

แฮชแท็กนี้มีขึ้นหลังจากที่แมตช์ที่ทีมเพจและเอ็มม่าแข่งกับคู่แฝดเบลลาจบภายในเวลาเพียง 30 วินาทีเท่านั้น ซึ่งวินซ์ แมคมาโฮน ซีอีโอของ WWE และสเตฟานี แมคมาโฮน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตราสินค้า หรือซีบีโอของ WWE ก็ออกมาตอบรับว่า พวกเขาจะปรับปรุงแมตช์ของดีวาส์ตามที่คนดูต้องการ


การแข่งขันมวยปล้ำของ WWE เป็นการแสดงที่มีการเขียนเนื้อเรื่อง กำหนดตัวละคร และกำหนดเวลาในการแข่งขันมาไว้หมดแล้ว แต่นักมวยปล้ำก็จำเป็นต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรง และฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้อยู่เสมอ ซึ่งเหล่าดีวาส์เองก็ทุ่มเทฝึกฝนตัวเองอย่างหนักไม่ต่างจากซูเปอร์สตาร์ส หรือนักมวยปล้ำชาย

อย่างไรก็ตาม ช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา แมทช์การต่อสู้ระหว่างดีวาส์จะเป็นเพียงแมตช์คั่นเวลา ไม่มีเวลาต่อสู้กันอย่างจริงจัง และไม่จำเป็นต้องใช้ศิลปะการต่อสู้ที่ซับซ้อน มีหน้าที่เป็นเพียงวัตถุทางเพศให้ผู้ชายซึ่งเป็นคนดูส่วนใหญ่ได้จับจ้องเท่านั้น โดยหนึ่งในแมตช์ที่เคยได้รับความนิยมมากก็คือ Bras and Panties ที่กำหนดให้ดีวาส์ถอดเสื้อผ้าของคู่ต่อสู้ให้ได้ หากใครเหลือเพียงกางเกงในเป็นชิ้นสุดท้ายก็จะเป็นผู้แพ้

สเตฟานี แมคมาโฮน ซึ่งเคยเป็นแชมป์มวยปล้ำหญิงมาก่อนกล่าวว่า ตอนที่เธอขึ้นได้รับตำแหน่งซีบีโอ เธอมีภารกิจที่จะดูแลให้ดีวาส์ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม และช่วยให้ผู้หญิงหันมาดูการแข่งขัน WWE มากขึ้น นับตั้งแต่มี #GiveDivasAChance เธอและทีมงานได้วางแผนปฏิรูป WWE ใหม่ มีการพัฒนาการดำเนินเรื่อง พัฒนาการของตัวละครนักมวยปล้ำหญิง และเพิ่มความเป็นนักกีฬาลงไปในแมตช์มากขึ้น รวมถึงเปลี่ยนชื่อเรียกนักมวยปล้ำหญิงจาก 'ดีวาส์' ไปเป็น 'ซูเปอร์สตาร์ส' เหมือนกับผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า นักมวยปล้ำหญิงจะต้องปกปิดร่างกาย หรือทำให้ตัวเองดูเซ็กซี่น้อยลง

WWE ได้เพิ่มเวลาออกอากาศให้การต่อสู้ของนักมวยปล้ำหญิงมากขึ้นจากไม่กี่นาที ขึ้นมาเกือบ 15 นาทีต่อแมตช์ และถูกจัดขึ้นเป็นแมตช์หลักของสัปดาห์หลายครั้ง และในปีนี้จะเป็นปีแรกที่นักมวยปล้ำหญิงจะได้แข่งขัน Royal Rumble หรือแมทช์ที่ให้นักมวยปล้ำทั้งหมดไปสู้พร้อมกัน ใครถูกโยนออกนอกเวทีแข่งก็ตกรอบ

แมคมาโฮนเปิดเผยว่า ตัวบ่งชี้ความสำเร็จเบื้องต้นในการปฏิรูปก็คือ WWE สามารถเข้าถึงกลุ่มคนดูที่หลากหลายขึ้นกว่าที่ผ่านมา ทั้งบนโทรทัศน์และออนไลน์ โดยปัจจุบันมีผู้หญิงดูการแข่งขัน WWE มากถึงร้อยละ 40 แล้ว