ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ขู่เอาผิด อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลังปูดใช้เงิน 40,000 ล้านบาท ตั้งพรรคสืบทอดอำนาจ โต้หัวหน้า ปชป. ยันไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่นดูดนักการเมือง วอนรัฐบาล - ฝ่ายค้านจับมือทำงาน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ตอบโต้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่แฉรัฐบาลกำลังดูดนักการเมืองโดยให้ตำแหน่งต่างตอบแทนว่า ตนไม่ใช่เครื่องดูดอากาศ หรือ เครื่องดูดฝุ่น ที่ คสช.จะไปบังคับนักการเมืองและนักธุรกิจได้ ต้องไปดูกฏหมายว่าทำได้หรือไม่ รวมถึงกระแสข่าวการลงพื้นที่ ครม.สัญจร จ.บุรีรัมย์ ดูดตระกูลชิดชอบเป็นรายต่อไป ก็ไม่อยากให้ใช้คำนี้ แต่ต้องไปดูที่ผ่านมานักการเมืองดูแลสมาชิกพรรคดีหรือไม่ การจะบอกว่าใครดูดใคร ให้ดูผลงานที่ผ่านมา มีการดูแลสมาชิก และนำความเห็นของประชาชนมาขับเคลื่อน ในขณะที่พรรคเป็นรัฐบาลหรือไม่ 

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า เข้าใจนักการเมืองอยากเข้าทำงาน อยากมีผลงาน แต่ติดนโยบายพรรค หัวหน้าพรรค ซึ่งรัฐบาล คสช.ไม่มี บทบาท คสช.สามารถทำงานได้เป็นอิสระ ต้องดูที่ผลงาน ใครจะถูกดูดหรือไม่ถูกดูดเป็นเรื่องของแต่ละคน นักการเมืองที่เป็นรัฐบาลทุกคนอยากอยู่ครบวาระครบ 4 ปีทั้งนั้น แต่พอทำงานได้ 2 ปี ก็เตรียมยุบสภา 

ดังนั้นการจะเป็นรัฐบาลจะต้องร่วมมือกันทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต้องดูแลทั้ง 2พวก ทั้งเสียงส่วนน้อยและเสียงส่วนใหญ่ จะทำอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์ ที่ผ่านมาโทษกันไปโทษกันมา มีการตัดงบพื้นที่ต่างๆ อยากให้ดูตรงนี้รัฐบาลหน้าไม่ว่าเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่ได้ประโยชน์เฉพาะพื้นที่ ทุกคนที่เข้ามาทำงานการเมืองไม่ต้องกลัว ว่าจะได้เลือกตั้งเมื่อไหร่ แต่อยากที่การบริหารราชการแผ่นดิน ให้โปร่งใสและเป็นธรรม ไม่เช่นนั้นจะมีการอภิปรายเหมือนที่ผ่านมา ทำอะไรไม่ได้ รัฐบาลและ คสช. ไม่ใช่คู่ขัดแย้งใคร รัฐบาลเป็นเหมือนคนกลาง ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล ต้องร่วมมือกันให้ได้ในวันข้างหน้า 

ส่วนกรณีนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยข้อมูล คสช.ใช้เงิน 40,000 ล้านบาท เตรียมตั้งพรรคการเมืองนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ไม่เป็นความจริง ใครจะเอาเงินมาให้ จะเอามาจากไหน มาจากที่ใด ถ้าตั้งพรรคใช้เงินขนาดนั้นเอาไปดูแลประชาชนดีกว่า ยืนยันตนพูดได้ 100% ไม่ได้ทุจริต แต่ถ้ามีในตัวระบบก็ว่ากันมาไปหาหลังฐานมา ซึ่งเรื่องจะให้ฝ่ายกฏหมายดูเพื่อเอาผิด รวมถึงสื่อที่เอาข้อมูลมาเผยแพร่ ซึ่งตนไม่ได้ขู่ เพราะมีกฏหมายอยู่แล้ว

ในขณะที่อนาคตตนจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ยังไม่รู้ เพราะตนอยู่ตรงกลาง จะต้องเอาทุกคนมาร่วมบริหารประเทศให้ได้ ซึ่งการดึงนักการเมืองก็ต้องดึงนักการเมืองที่ดี ไม่เคยรังเกียจนักการเมือง

ทั้งนี้นายกฯ มีกำหนดการนำคณะรัฐมนตรีสัญจร ระหว่างวันที่ 7-8 พ.ค.นี้ เตรียมเดินทางไปจังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมจุดตรวจผ่านแดนไทยถาวรช่องจอม และเยี่ยมชมหมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณ บ้านท่าสว่าง จากนั้นในช่วงบ่าย นายกฯและครม.จะเดินทางไปจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อพบปะประชาชน ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ที่สนามช้างอารีน่า และตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการที่จะเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์โลก สนามที่ 15 รายการพีทีทีไทยแลนด์ กรังด์ปีซ์ 2018 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ นอกจากนี้จะมีการเยี่ยมชมถนนคนเดินเซาะกราว เทศบาลเมืองบุรีรัมย์