ไม่พบผลการค้นหา
ผู้มีอำนาจ เดินเกมส์สองขาประชารัฐ เพื่อหวังดัน “พรรคพลังประชารัฐ” เข้าเส้นชัยทางการเมือง ขาข้างหนึ่งคือบัตรคนจน อันเป็นนโยบายตระกูลวิเศษนิยมที่จะลดแลกแจกแถมจนวันเลือกตั้ง ขาข้างหนึ่งคือ ปฏิบัติการ “แก้หนี้-คืนโฉนด” ที่ดำเนินไปโดย “พล.อ.ประวิตร” หวังชนะใจชาวอีสาน อันเป็นฐานการเมือง “นายเก่า”

ฉากการเมืองล่าสุดที่ปรากฎผ่านสาธารณะคือภาพรอยยิ้มเปื้อนน้ำตาของชาวบ้านที่ได้รับโฉนดที่ดินกลับคืนสู่อ้อมอก ผู้มอบคือ “บิ๊กป้อม - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ที่เป็นเสาค้ำยันหลักให้รัฐบาลประยุทธ์ ดำรงมายาวนานถึง 4 ปี ด้วยเพราะสายสัมพันธ์อันเหนียวแน่นระหว่าง บิ๊กป้อมกับทั้งกลุ่มทุนใหญ่ และชนชั้นนำ ภาพการร่วมงานศพของเจ้าสัววิชัยเป็นเวลาหลายคืน รวมถึง การเดินทางไปเป็นประธานในงานแต่งของลูกเจ้าสัวอีกหลายรายของไทย บอกเล่าสายสัมพันธ์อยู่ในตัว โดยไม่ต้องอภิปรายให้มากความ

บารมีพี่ใหญ่ “คุมคน-เคาะได้”

เหนือไปกว่านันคือคำบัญชาการทั้ง ใต้ดิน-บนดิน เพื่อค้ำยันให้บัลลังก์ของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้เป็นน้องรัก ดำเนินไปอย่างมั่นคง บทสัมภาษณ์ชิ้นหนึ่งของ “วัชระ เพชรทอง” แห่งพรรคประชาธิปัตย์ บอกเล่าบารมีอันแผ่ไพศาลของบิ๊กป้อมได้ดี อ่านแล้วทำให้รู้ว่า เพราะเหตุใด พายุลูกใหญ่อย่างกรณี “นาฬิกายืมเพื่อน” จึงไม่อาจสั่นคลอนบิีกป้อมได้ การแถลงของ ปชช. ดูไร้ความคืบหน้าและหายเข้ากลีบเมฆในที่สุด

ราว 2 ปีก่อน วัชระได้รับคำเชิญจาก พลเอกประวิตร ให้ร่วมโต๊ะอาหารที่บ้านพักในซอยพหลโยธิน และนี่คือบทสัมภาษณ์สัมภาษณ์บางส่วนของวัชระที่ให้กับไทยโพสต์

[วัชระ : พลเอกประวิตรนั่งอยู่หัวโต๊ะ ผมก็นั่งอยู่ขวามือท่าน ซ้ายมือเป็นพลโทกัมปนาท และถัดมาเป็นพลโทที่มารับผม...พลเอกประวิตรพูดกับผมว่า ที่อยากคุยด้วยเพราะผมไปให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงพลเอกประวิตร ผมก็บอกว่าจริงครับเพราะท่านมาให้สัมภาษณ์พาดพิงนักการเมืองก่อน และท่านได้มาเป็น รมว.กลาโหมก็เพราะนักการเมืองไม่ใช่หรือ

...ผมถามถึงการแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประชาชน เช่น เรื่องราคายางพารา การแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร เรื่องที่ดินทำกิน ปัญหาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่นประชาชนที่อำเภอน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ นับแต่มีประเทศไทยมา ประชาชนที่นั่นไม่มีโฉนดเป็นของตัวเองแม้แต่ใบเดียว คสช.ควรทำเรื่องปฏิรูปที่ดินเพื่อจัดสรรที่ดินให้ประชาชนมีโฉนดเป็นของตัวเอง พอฟังเสร็จท่านก็ยกหูถึงพลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ อดีต รมว.ทรัพยากรฯ ตอนนั้นทันที พอพลเอกดาว์พงษ์รับสายท่านก็บอกว่า "หนุ่ย ปัญหาที่ดินที่อำเภอน้ำหนาว ชาวบ้านไม่มีโฉนด" พลเอกดาว์พงษ์ก็ตอบกลับมาในสายว่า "กำลังดำเนินการครับ"

วัชระ เล่าต่อไปว่า เมื่อได้ถามกรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาล มีการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย พ.ต.อ.คนหนึ่งที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ สมัยเป็นอธิบดีดีเอสไอแถลงว่า เป็นคนจ้างวานมือปืนยิงวัดพระแก้วช่วงชุมนุมเสื้อแดงปี 53 ด้วยเงิน 5 แสนบาท ปรากฏว่ายุค คสช.กลับตั้ง พ.ต.อ.คนดังกล่าวมาเป็น ผกก.สน.บวรมงคล เขตบางพลัด ผมก็ถามว่าทำไมให้ตำรวจเสื้อแดงมาได้ดิบได้ดีในยุครัฐบาล คสช.

พลเอกประวิตรฟังเสร็จก็ยกโทรศัพท์โทร.หา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ชื่อเล่นว่าปู ตอนนั้นเป็น ผบช.นครบาลทันที แล้วคุยในสายโทรศัพท์ว่า "เฮ้ยปู ทำไมตั้ง พ.ต.อ.คนนี้มาเป็น ผกก.สน.บวรมงคล"ปลายสายก็ตอบกลับมาว่า "ผมย้ายไปอยู่ บก.น.4 เรียบร้อยแล้วครับนาย"

เมื่อผมพูดคุยถึงปัญหาต่างๆ ของประชาชนเรื่องไหน พลเอกประวิตรก็ยกหูโทรศัพท์โทร.หาคนที่รับผิดชอบเรื่องนั้นทันที แล้วก็คุยเรื่องต่างๆ เช่น ยางพารา ซึ่งระหว่างการพูดคุย พลเอกประวิตร บอกว่าไม่เคยคิดทุจริต ไม่โกงแม้แต่บาทเดียว ผมได้ยินแล้วก็ตบเข่าบอกว่า "แบบนี้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีได้" พอฟังเสร็จพลเอกประวิตรก็หัวเราะชอบอกชอบใจ หน้าแดง แล้วตอบทันทีว่า "ผมไม่อยากเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นแล้วเหนื่อยจะตายห่า ไม่เชื่อไปถามไอ้มาร์คดู"]

เดินเกมส์ปลดกับดักคนจน-ความจน

ล่าสุด พลเอกประวิตร เดินเกมส์พิชิตใจคนจนอีกครั้ง ด้วยปฏิบัติการ “แก้หนี้-คืนโฉนด” ปฏิบัติการนี้เป็นอีกหนึ่งขาของ “นโยบายพลังประชารัฐ-บัตรคนจน” ที่จะสานฝันสู่ชัยชนะของพรรคการเมืองในชื่อเดียวกับนโยชาย

เมื่อวานนี้ (28 พ.ย. 2561) พลเอกประวิตร และคณะ ได้เดินทางไปราชการพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ณ โรงเรียนเลยพิทยาคม จ.เลย เพื่อร่วมกับส่วนราชการต่างๆ มอบทรัพย์สินส่งคืนให้ประชาชน จากมาตรการบังคับใช้กฎหมายขับเคลื่อนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบพร้อมกันทั่วประเทศ เป็นครั้งที่ 5 จำนวน 2,012 ราย เป็นโฉนดที่ดิน 1,773 ฉบับ เนื้อที่รวม กว่า 5,800 ไร่ รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ มูลค่า 3,424 ล้านบาท

การเดินเกมส์พิชิตใจคนอีสาน-คนจน เป็นผลจากข้อมูลในมือว่า ในพื้นที่อีสานมีประชาชนเป็นหนี้นอกระบบสะสมกว่า 5.6 แสนราย จาก 9 แสนรายทั่วประเทศ สิ่งที่ประชาชนอยากได้คือ “ปลดล็อกปัญหาหนี้นอกระบบ” ซึ่งจัดว่าเป็น “กับดักของความยากจน” ที่ทำให้ชาวบ้านไม่อาจลืมตาอ้าปากได้

47179055_734523756910605_1406961321152348160_n.jpg

ปฏิบัติการนี้ดำเนินไปโดยมี “ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน” ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์แห่งนี้อยู่ครอบคลุมทั่วทุกภาคของไทย ทั้งที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 “เพื่อบูรณาการกำลังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่มีพฤติการณ์ฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และการแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ รวมถึงการกระทำความผิดทางอาญาอื่นใด และเพื่อให้การปฏิบัติในการปราบปรามผู้กระทำผิดเป็นไปอย่างเรียบร้อย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ”

จนถึงวันนี้ ปฏิบัติการ “แก้หนี้-คืนโฉนด-คืนรถยนต์-คืนมอไซค์” สามารถไกล่เกลี่ย เคลียร์ปัญหาหนี้นอกระบบ คืนทรัพย์สินให้กับประชาชนมาแล้วกว่า 5 รอบ มูลค่ารวม 13,736 ล้านบาท เป็นโฉนดที่ดินกว่า 9,526 ฉบับ พื้นที่กว่า 31,838 ไร่ ปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกเหนือการเดินเกมส์ปลดกับดักความยากจน ก็คือสร้างความ “ภาพลักษณ์-ความทรงจำ” แบบชนิดสำนึกในบุญคุณ ซึ่งสัมพันธ์กับเกมส์เลือกตั้งที่ใกล้ถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ อันเป็นเกมส์เดียวกับที่ “สามสิบบาทรักษาทุกโรค” ทำสำเร็จมาแล้วในการเลือกตั้งหลายรอบก่อนหน้านี้

ประเมิน “พปชร.” ต่ำไม่ได้

สื่อหัวใหญ่ เสนอว่า พรรคพลังประชารัฐ “สร้างสถิติใหม่เป็นพรรคโตเร็วที่สุดในรอบ 86 ปี นับตั้งแต่มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นในประเทศไทย...กวาดต้อนอดีต ส.ส.พรรคอื่นเข้ามาสวามิภักดิ์ได้ถึง 84 คน แยกเป็นอดีต ส.ส. 64 คน อดีตรัฐมนตรี 19 คน และอดีต ส.ว. 1 คน (ไทยรัฐ 29 พ.ย. 2561)” แม้ปฏิบัติการดูดอาจไม่ได้รับประกันชัยชนะในการเลือกตั้ง ส.ส. ระดับเขต แต่พอจะรับประกันได้ว่า จะได้เห็นจำนวน ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์เกินคาดคิด เพราะระบบการเลือกตั้งแบบใหม่เอื้อให้พรรคพลังประชารัฐเข้าเส้นชัยด้วยการเน้นเก็บคะแนนเสียงตกน้ำ

ไม่เพียงคณิตศาสตร์การเมือง ที่ยุทธศาสตร์ของพรรคพลังประชารัฐ มุ่งหวังพิชิตด้วย “ความโดดเด่นของบุคคล-เจ้าพ่อหัวเมือง-เจ้าพ่อท้องถิ่น” แต่ยังอาศัยกติกาที่รัฐบาลประยุทธ์จะมีอำนาจเต็มกระทั่งหลังเลือกตั้งแล้ว ลด-แลก-แจก-แถม ผ่านนโยบาย ตระกูลวิเศษนิยม ไปเรื่อยๆ เหมือนที่เนติบริกรออกมาย้ำว่า “แม้จะมีประกาศพ.ร.ฎ.เลือกตั้งแล้ว ก็ยังทำได้ตามปกติ เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีสถานะเป็นรัฐบาลรักษาการ ยังทำงานได้เต็มร้อยทุกอย่าง ส่วนที่วิจารณ์ว่ารัฐบาลวิจารณ์นโยบายประชานิยมมาตลอด แต่กลับออกนโยบายประชานิยมมาเช่นกันนั้น เรื่องนี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ บอกแล้วว่า โครงการนี้ไม่ใช่ประชานิยม แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร อาจจะเป็นวิเศษนิยมกระมัง (หัวเราะ)”

ก่อนถึงวันเลือกตั้ง นอกเหนือไปจาก การกระจายเงินลงรายจังหวัด ผ่านแคมเปญประชุม ครม.นอกสถานที่ที่ดำเนินมาตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในจังหวัด-ภูมิภาคที่ดูดสำเร็จแล้ว เพื่อมัดใจ “เจ้าพ่อท้องถิ่น-ประชาชนในพื้นที่” ล่วงหน้า

ยังปรากฎนโยบายตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะ ออฟชั่นเสริมจาก “บัตรคนจน” เช่น

มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ และข้าราชการบำนาญ วงเงิน 5.87 ล้านบาท

ช่วยเหลือพัฒนาอาชีพเกษตรกรสวนยาง ไร่ละ 1,800 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่ รวมงบ 1.8 หมื่นล้านบาท

มาจนถึงปฏิบัติของบิ๊กป้อม ผ่าน “แก้หนี้-คืนโฉนด” ที่ตั้งใจปลดล็อกความยากจน เพื่อหวัง ชนะใจ-ฝังใจ ชาวบ้าน


นาทีนี้ ไม่อาจประเมิน พลังประชารัฐ ต่ำเกินไป!!


วยาส
24Article
0Video
63Blog