นายวีระชัย ศรีวณิก หรือ หนอ วรรณึกกุล อดีตดารา อายุ 38 ปี พร้อมทนายความและนายศิวัช หล่ำศรี อายุ 36 ปี และนายณรงค์ฤทธิ์ ทองพันธุ์ อายุ 30 ปี เข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.สายไหม เมื่อคืนที่ผ่านมา (7 ธ.ค.) หลังตกเป็นผู้ต้องหา กรณีอ้างตัวเป็นตำรวจ ป.ป.ส. พกอาวุธเข้าตรวจค้นร้านซ่อมรถยนต์แห่งหนึ่งย่านสายไหม โดยอ้างว่าผู้เสียหายมีหมายจับคดีครอบครองยาเสพติด และฟอกเงิน โดยหลังจากตำรวจสอบสวนเสร็จสิ้น ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไว้ก่อน และคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันบุกรุกยามวิกาล โดยใช้อาวุธปืน,แอบอ้างเป็นเจ้าพนักงาน และกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น,พกพาอาวุธปืนไปใน ชุมชน หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต,กักขังหน่วงเหนี่ยว ทั้งนี้ จะมีการแถลงข่าววันนี้ (8 ธ.ค.) เวลา 14.00 น.
ก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายโพสต์คลิปและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา เผยแพร่พฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหาที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ ป.ป.ส. พกอาวุธและถือกระดาษหนึ่งแผ่นขอตรวจค้นบ้าน โดยกลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่าผู้เสียหายมีหมายจับคดีครอบครองยาเสพติด จากนั้นได้ใส่กุญแจมือผู้เสียหายและพาขึ้นไปค้นชั้นบน สักพักพ่อของผู้เสียหายกลับมาและเมื่อผู้ต้องหาทราบว่าพ่อผู้เสียหายเป็นทหารจึงรีบถอดกุญแจมือ ซึ่งขณะเกิดเหตุกลุ่มผู้ต้องหาได้ถอดฮาร์ทดิสตัวบันทึกกล้องวงจรปิดไป แต่มีกล้องวงจรปิดอีกตัวสามาถบันทึกภาพกลุ่มผู้ต้องหาไว้ได้ รวมทั้งหลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้ถ่ายภาพทะเบียนรถของกลุ่มผู้ต้องหาไว้ได้ จึงนำมาเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก และได้เข้าแจ้งความกลุ่มผู้ต้องหา 4 ข้อหา
หลังจากที่ผู้เสียหายโพสต์คลิปและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นรายหนึ่ง ระบุว่า ตนเองก็เคยถูกกลุ่มผู้ต้องสงสัยกระทำการเช่นนี้เหมือนกัน
ด้านพลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการจับกุมนายวีรชัยศรีวณิก วรรณึกกุล หรือ หนอ อดีตนักแสดงสมทบ นายศิวัช หล่ำศรี และนายณรงค์ ทองพันธ์ หลังมีพฤติการณ์ร่วมกันแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.บุกเข้าตรวจค้นจับกุมผู้เสียหายเพื่อตบทรัพย์ โดยล่าสุดกล้องวงจรบันทึกภาพเหตุการณ์วันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เหตุเกิดภายในร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ย่านสายไหม กรุงเทพมหานคร
พลตำรวจโท ชาญเทพ เสสะเวช รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุ จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ โดยทำไปเพราะประสงค์ต่อทรัพย์ ทั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการอีก 1 ราย ยืนยันเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่หากพบภายหลังว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐรายใดเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินคดีเด็ดขาดทันที เบื้องต้นเชื่อเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง และมีผู้เสียหายมากกว่า 2 ราย
ด้าน นายณัฐพงษ์ จิตรสงวน ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้วเคยถูกดำเนินคดีในข้อหายาเสพติด จากนั้นก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก ก่อนเกิดเหตุขณะกำลังซ่อมรถจักรยานยนต์อยู่ลำพัง กลุ่มผู้ต้องหาเข้ามาพูดคุยเรื่องซ่อมรถจักรยานยนต์ ก่อนอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.พร้อมโชว์หมายจับแล้วจับตนใส่กุญแจมือ จากนั้นได้ข่มขู่กรรโชกทรัพย์ แต่ครอบครัวของตนมาเห็นเหตุการณ์พอดี กลุ่มผู้ต้องหาจึงปล่อยตัว พร้อมทั้งดึงการ์ดบันทึกภาพกล้องวงจรปิด ก่อนจะเดินหนีไป
เบื้องต้นตำรวจดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันบุกรุกยามวิกาล โดยใช้อาวุธปืน แอบอ้างเป็นเจ้าพนักงาน พกพาอาวุธปืนไปในชุมชน หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และกักขังหน่วงเหนี่ยว ทั้งนี้หากการสอบสวนแล้วพบว่ากระทำความผิดอื่นอีก ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมทันที