การเดินขบวนประท้วงวันแรงงาน หรือที่เรียกว่าวันเมย์เดย์ ที่กรุงปารีส เมื่อวานนี้ ซึ่งจัดโดยสหภาพแรงงานของฝรั่งเศสและมีผู้เข้าร่วมเดินขบวนกว่า 5 หมื่นคน ในตอนแรกก็ดูเหมือนจะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย แต่กลับเกิดความรุนแรงขึ้นหลังจากที่ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งที่ไม่พอใจกับกฎหมายปฏิรูปแรงงาน ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นสวมหน้ากากปิดบังใบหน้ากว่า 1,200 คน เริ่มปาก้อนหินเข้าใส่ร้านค้า ทุบกระจกรถยนต์ และยังจุดไฟเผาร้านแม็คโดนัลด์ จนตำรวจปราบจราจลต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ ด้วยการยิงแก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายการชุมนุมและได้จับกุมกลุ่มผู้ประท้วงสวมหน้ากากกว่า 200 คน ซึ่งตำรวจเปิดเผยว่ามีผู้ถูกจับกุม 3 คนที่พกอาวุธผิดกฎหมายมาร่วมการประท้วง
นอกจากในกรุงปารีสแล้ว ยังมีการประท้วงลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นทั่วฝรั่งเศสและมีผู้ออกมาเดินขบวนประท้วงกฎหมายปฏิรูปแรงงานกว่า 143,000 คน การประท้วงพุ่งเป้าโจมตีไปที่ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสที่สนับสนุนกฎหมายปฏิรูปแรงงานที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายจ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้นายจ้างสามารถเจรจาต่อรองเรื่องค่าจ้างและสวัสดิการกับลูกจ้างโดยตรง โดยไม่ต้องมีสหภาพแรงงานเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงนายจ้างสามารถปลดหรือไล่ลูกจ้างออก โดยไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยจำนวนสูงๆ เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงมองว่านายมาครงเป็นประธานาธิบดีสำหรับคนรวย แต่นายมาครงก็ยืนยันว่ากฎหมายปฏิรูปแรงงานเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้เศรษฐกิจของฝรั่งเศสสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
ภาพ: AP