องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ของสหประชาชาติออกรายงานที่ระบุว่า คนมากกว่า 473 ล้านคนทั่วโลกไม่มีโอกาสในการหางานที่มีรายได้เหมาะสมพอใช้จ่าย ทำให้คนเหล่านี้ติดอยู่ในภาวะยากจน และยิ่งทำให้ระดับความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ อัตราการว่างงานทั่วโลกยังเพิ่มสูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก ส่งผลให้มีคนตกงานมากขึ้นถึงประมาณ 2.5 ล้านคน ทำให้ยอดคนตกงานทั่วโลกมีมากกว่า 190 ล้านคนแล้ว
ILO พบว่า จากประชากรวัยทำงานทั่วโลก 5,700 ล้านคน มีคนมากถึง 165 ล้านที่มีงานทำ แต่ไม่สามารถหางานที่จ่ายค่าจ้างมากพอกับความต้องการ และยังมีอีกกว่า 119 ล้านคนที่ยอมแพ้ที่จะหางานทำอย่างต่อเนื่องแล้วหรือไม่สามารถเข้าถึงตลาดงาน เพราะมีเงื่อนไขชีวิตส่วนตัว นอกจากนี้ ยังมีคนที่ถูกจัดประเภทว่าเป็นคนว่างงานอย่างเป็นทางการทั่วโลกอีก 188 ล้านคน
กาย ไรเดอร์ ผู้อำนวยการ ILO เรียกร้องให้มีมาตรการเร่งด่วนรับรองว่างานที่มีรายได้ทุกประเภทจะต้องเป็นงานที่มีคุณภาพ ถือเป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมกาหลายล้านคนที่จะสร้างชีวิตที่ดีได้จากการทำงาน ความเหลื่อมล้ำและการกีดกันด้านการทำงานเป็นปัจจัยขัดขวางไม่ให้คนเหล่านี้หางานที่เหมาะสมและมีอนาคตที่ดีขึ้น ข้อมูลในรายงานนี้จึงร้ายแรงมาก เป็นตัวบ่งชี้เกี่ยวกับความยึดเหนี่ยวทางสังคมที่ลึกซึ้งและน่ากังวลมาก
ILO ยังระบุว่า หลายประเทศทั่วโลกขาดศักยภาพทางเศรษฐกิจและผลตอบแทนต่อสังคมที่จะได้จากทรัพยากรมนุษย์ที่มีความสามารถ และในการประเมินความเสี่ยงจากการการจ้างงานไม่เต็มที่ พบว่า การขาดแคลนงานที่สร้างผลิตภาพและรายได้ดีทำให้มีแรงงานมากกว่า 630 ล้านคนทั่วโลกอยู่ในภาวะยากจนระกับปานปลกางปละยากจนสุดขีด มีรายได้น้อยกว่า 3.20 ดอลลาร์ (ประมาณ 97 บาทต่อวัน) แม้จะมีความพยายามจะลดระดับความยากจนทั่วโลก แต่คนเหล่านี้ก็ไม่มีรายได้มากพอจะหนีจากความยากแค้นไปได้
รายงานฉบับนี้ถูกตีพิมพ์ในช่วงที่ผู้นำประเทศและชนชั้นนำของโลกเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมดาวอสของสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำและวิกฤตด้านสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
เมื่อสัปดาห์ก่อน ยูเอ็นก็เพิ่งจะออกรายงานว่า ความตึงเครียดทางการค้าเสี่ยงทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกปีนี้ต่ำลง และอาจทำให้ความพยายามของนานาชาติในการแก้ไขปัญหาความยากจนในประเทศรายได้ต่ำล้มเหลว และเบี่ยงเบนความสนใจไปจากภารกิจในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระบบเศรษฐกิจโลก
ที่มา : UN News, The Guardian