พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี ส.ส. พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ ที่เสียบบัตรลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 แทนกันว่า ถือเป็นการกระทำผิด ขาดความรับผิดชอบอย่างแรง โดยยกตัวอย่างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2556 ว่า "การเสียบบัตรแทนกันนั้น เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็น ส.ส. ที่ถือว่าเป็นตัวแทนของคนไทยต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือการครอบงำใดๆ"
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ทวี ยังบอกอีกว่า จากประสบการณ์ส่วนตัวเรื่อง "หน้าที่ความรับผิดชอบ" มีความสำคัญในทุกอาชีพ หากมีการละเลยไม่ปฏิบัติตามถือว่าเป็นการโกงและคอร์รัปชันด้วย โดยยกคำของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่เคยนิยมไว้ว่า "การโกง คือ คอร์รัปชันที่จับได้ ส่วนคอร์รัปชัน คือ การโกงที่จับไม่ได้"
เนื้อหาทั้งหมดดังนี้
ส.ส.การเสียบบัตรแทนกัน คือการโกงประชาชนที่ถูกจับได้
เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2563 องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International - TI) ได้เผยผลการจัดอันดับภาพลักษณ์คอรัปชั่นในภาครัฐของหลายประเทศทั่วโลกประจำปี 2562 (CORRUPTION PERCEPTIONS INDEX 2019) โดยสำหรับประเทศไทยพบอยู่ในอันดับที่ 101 จากทั้งหมด 180 ประเทศทั่วโลก ได้ 36 คะแนนจากเต็ม 100 ถือว่าเป็นความล้มเหลวด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐในการบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีตลอด 5 ปีเศษติดต่อกันที่ไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นได้
ภาพลักษณ์การคอรัปชั่นของฝ่ายรัฐบาล ยิ่งฉาวโฉ่ เมื่อมี ส.ส.พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล คือจากพรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมารับสารภาพว่าได้มีการเสียบบัตรแทนกันขึ้นในการลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่เพิ่งผ่านไป ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำผิด และขาดความรับผิดชอบอย่างร้ายแรง เพราะการเสียบบัตรแทนกันนั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยเมื่อปี พ.ศ.2556 ว่า
เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็น ส.ส. ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือการครอบงำใด ๆ และต้องปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ ยังขัดต่อหลักความซื่อสัตย์สุจริตที่ ส.ส. ได้ปฏิญาณตนไว้ และขัดต่อหลักการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญ ที่ให้สมาชิกคนหนึ่งมีเพียงหนึ่งเสียงในการออกเสียงลงคะแนนมีผลทำให้การออกเสียงลงคะแนน ส.ส. ในการประชุมพิจารณานั้น เป็นการออกเสียงลงคะแนนไม่สุจริต ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของผู้แทนปวงชนชาวไทย
ประสบการณ์ส่วนตัวเห็นว่า ในเรื่อง "หน้าที่ความรับผิดชอบ" นั้นมีความสำคัญยิ่งในทุกอาชีพ หรือในความเป็นมนุษย์ หากมีผู้การละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่รับผิดชอบต้องถือว่าเป็นการโกงและคอร์รัปชันด้วย ซึ่งการโกงและคอร์รัปชันนั้น มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เคยนิยามไว้สั้นๆ ว่า "การโกง คือ คอร์รัปชันที่จับได้ ส่วนคอร์รัปชัน คือ การโกงที่จับไม่ได้" ซึ่งผู้มีหน้าที่ความรับผิดชอบแล้วละเลยไม่ทำหน้าที่รับผิดชอบก็คือการรอวันเวลาแห่งความพินาศติดตามมา นั้นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :