มอรร์ริสันเรียกร้องให้ประชาชนออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้กับตัวเองหลังดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศมาเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก ทั้งวิกฤตโควิด-19 หายนะทางสภาพภูมิอากาศ และวิกฤตความศรัทธาจากประชาชนที่กล่าวหารัฐบาลในประเด็นของ 'ความไม่ซื่อสัตย์สุจริต'

หลังการเข้ามารับตำแหน่งต่อจากอดีตผู้นำพรรคแรงงานที่ลาออกเมื่อพ่ายแพ้การเลือกตั้งปี 2562 อัลบานีส หัวหน้าฝ่ายค้านจากพรรคแรงงานเดินหน้ารณรงค์หาเสียงอย่างหนักเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำ โดยชูนโยบายเพื่อการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะกรณีสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้นและประเด็นวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งเป็น 2 ประเด็นหลักที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกำลังให้ความสนใจอย่างมาก 

ประเด็นโลกร้อนคือนโยบายที่สำคัญต่อทั้งออสเตรเลียและโลก เนื่องจากในปัจจุบันออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่ปล่อยมลภาวะสู่ชั้นบรรยากาศต่อหัวประชากรสูงที่สุดในโลก ผู้นำคนใหม่จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อสถานการณ์โลก เพราะที่ผ่านมาถูกนานาชาติวิจารณ์โดยตลอดว่าไม่เคยจริงจังกับการลดการปล่อยมลภาวะ

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่ากลุ่มพรรคการเมืองอิสระและพรรคขนาดเล็กอาจได้คะแนนเสียงมากขึ้นในศึกเลือกตั้งนี้เพราะมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่มีความไม่พอใจต่อ 'สองพรรคใหญ่'

ในการคว้าชัยผู้นำคนใหม่ของออสเตรเลีย สองผู้สมัครต้องชนะเก้าอี้มากกว่า 76 ที่นั่งในสภา มิเช่นนั้นจะไม่สามารถเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากได้ และต้องเจรจากับพรรคขนาดเล็กและพรรคอิสระเพื่อเข้าร่วมคณะรัฐบาล โดยในครั้งนี้มีประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมากกว่า 17 ล้านคน หากผลการเลือกตั้งไม่สูสีมากนักชาวออสเตรเลียอาจทราบผลเบื้องต้นภายในคืนนี้