ไม่พบผลการค้นหา
'เกียรติ' แนะรัฐบาลออกนโยบายเฉพาะพื้นที่เพื่อแก้ปัญหารายได้ครัวเรือนลดลง และเพิ่มงบประมาณด้านการวิจัย 2% ต่อ GDP เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันการส่งออก ด้าน 'วีระกร' ปลื้มรบ.จัดงบกระตุ้น ศก. ลั่นพปชร.เทโหวตรับ

นายเกียรติ สิทธิอมร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า ตนพยายามเปิดใจให้กว้างในการอ่านรายละเอียดงบประมาณฯ เพื่อนำเสนอในฐานะ ส.ส. โดยภาพรวมมีหลายเรื่องต้องปรับในชั้นกรรมาธิการเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะปัญหาปากท้อง ดังนั้นการคิดงบประมาณกับนโยบายอย่างไร อยู่ที่การตั้งโจทย์ของรัฐบาล ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจโลกกับนโยบายที่รัฐบาลคิดอาจไม่ตอบโจทย์กับประชาชนและมองว่ายังไม่มีนโยบายที่ชัดเจน

ส่วนภาวะการลงทุนของต่างประเทศก็ถดถอยมาแล้ว 3 ปี ประเทศไทยได้นำมาเป็นนโยบายบในการแก้ปัญหาหรือไม่ ประกอบกับปัญหารุมเร้าจากภายนอกที่มีมาก การเงินโลกผันผวน และประเทศมหาอำนาจเองทำให้ค่าเงินตัวเองอ่อน จนค่าเงินบาทแข็ง และรัฐบาลไทยได้นำจุดนี้มาคิดหรือไม่ ทั้งนี้ตนมองว่าจากสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน ปีหน้าเศรษฐกิจไทยอาจจะแย่กว่านี้ เพราะทุกประเทศออกมาเตือนประชาชนให้ประหยัดแล้ว 

นอกจากนี้ นายเกียรติ ยังชี้ให้เห็นถึงปัญหาเร่งด่วนของประชาชน คือ สินค้าแพงขึ้น มีหนี้นอกระบบ อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยเงินกู้สูง รายได้ครัวเรือนลดลง 16 จังหวัด ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว รัฐบาลจะคิดนโยบายกว้างเพื่อมาแก้ไขทุกจังหวัดไม่ได้แล้ว แต่ต้องใช้นโยบายเฉพาะ จึงจะแก้ไขได้ เหมือนที่ประเทศจีนทำสำเร็จ ส่วนปัญหาสินค้าราคาแพงตั้งแต่มีรัฐบาลหลังการเลือกตั้งมาก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ 

อย่างไรก็ตาม ตนขอชื่นชมนโยบายเกี่ยวกับสินค้าเกษตรดีขึ้นมา เพราะมีประกันรายได้แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จึงแนะนำให้รัฐบาลขึ้นทะเบียนเกษตรกรเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว พร้อมเสนอแนะการส่งออกให้เปิดตลาดใหม่ในโซนละตินอเมริกา รัสเซีย และเปรู โดยในช่วงท้าย นายเกียรติ ขอให้รัฐบาลปฏิรูปวิธีการคิดนโยบายให้ใช้งบประมาณที่เหมาะสมกับโครงการต่างๆ ตนยังพบว่ามีการแบ่งงบประมาณด้านการลงทุนน้อยมาก เพียงแค่หนึ่งหมื่นล้านบาทโดยประมาณ ซึ่งถ้าหากต้องการที่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของคนในประเทศ รัฐบลาลต้องมีนโยบาย และให้งบประมาณด้านการวิจัยมากกว่านี้ ซึ่งตนอยากให้เพิ่มขึ้น 2% ต่อจีดีพี ภายใน 4 ปี

นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่า ตนชอบงบประมาณฉบับนี้ เพราะตรงกับภาวะที่เกิดขึ้นในประเทศ อย่างเช่น นโยบายชิมช้อปใช้ ที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมาก งบลงทุนที่อยู่ในช่วง 2-4 % ซึ่งในปีนี้ปรับลดลงเป็น 3.7 % รัฐบาลยังเลือกที่มีระเบียบวินัยในการใช้เงิน ตนอยากจะของบกลางปี เพื่อนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสาธารณูปโภค อย่างเช่น ถนนตามชนบท ตนต้องขอบคุณรัฐบาลชุดนี้ที่กำลังดำเนินการเรื่องรถไฟรางคู่ที่ถือเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าของการรถไปไทย และขอให้มีการทำโบกี้รถไฟให้ทันสมัยเหมือนต่างประเทศ ให้สอดคล้องกับรางรถไฟรุ่นใหม่ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน

“นายกจัดงบประมาณได้ดีเยี่ยม ตนและพรรคพลังประชารัฐจะยกมือสนับสนุนรัฐบาลอย่างแน่นอน”นายวีระกร กล่าว

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า งบที่กำลังพิจารณาในขณะนี้คือของแผ่นดิน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ที่ตนได้ศึกษามา ตนดีใจที่รัฐบาลเล็งเห็นถึงการจัดทำงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักธุรกิจ เป็ประเทศที่พัฒนาแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งตนคิดว่า งบประมาณฉบับนี้มีความสอดคล้อง 

“ผู้ที่ไม่สนับสนุนร่างงบประมาณนี้ ตนเชื่อว่าจะตอบคำถามของประชาชนไม่ได้ เพราะคนทั่วประเทศรู้ดีว่าค้องใช้งบประมาณในการขับเคลื่อนประเทศ ตนจึงไม่เห็นด้วยถึงการตัดงบประมาณ เพราะจะยิ่งทำมห้เศรษฐกิจซึม กลุ่มคนที่อยากจะตัดงบประมาณแค่หวังผลทางการเมืองเท่านั้น”นายไพบูลย์ กล่าว 

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า อย่างโครงการชิมช้อปใช้ เป็นโครงการที่ทำให้ประชาชนไม่พึงแต่ได้ใช้เงิน แต่เป็นโครงการที่ทำให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันอีกด้วย ตนจึงขอสนับสนุนโครงการเช่นนี้อย่างเต็มที่