วันที่ 3 เม.ย. จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงการจัดกิจกรรม “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” ที่ “อนุสรณ์พฤษภาประชาธรรรม” ถ.ราชดำเนิน ในวันที่ 4 เม.ย.นี้ ว่า จัดการชุมนุมครั้งนี้มีขึ้นภายใต้ รหัส 4 4 4 ประยุทธ์ออกไป โดยจัดขึ้นวันที่ 4 เดือน 4 เริ่มเวลา 4 โมงเย็นเป็นต้นไป ยืนยันจะไม่มีการเคลื่อนขบวนไปที่อื่น ดังนั้น เจ้าหน้าที่ควรอำนวยความสะดวก รัฐไม่ควรวิตกจริตเกินเหตุ เพราะทราบว่าได้มีการขนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจำนวนมาก
เขา กล่่าวว่า การนัดรวมตัวครั้งนี้ เป็นการแสดงวุฒิภาวะระหว่างประชาชนกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเราไม่อาจทนการบริหารบ้านเมืองภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ อีกต่อไป และหลังจากการชุมนุมแล้วเสร็จ จะมีการประเมินว่าจะสามารถไปต่อได้หรือไม่ ขณะที่หลายคนปรามาสว่าจะไม่มีคนเข้าร่วม ต้องนั่งตบยุง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าคนจะล้นเต็มความจุของอนุสรณ์สถานฯ
“ผมรู้ว่าผมเป็นเป้าหมายหลักในการทำลายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่นกล่าวหาว่าผมรับงานเพื่อทำลายคนเสื้อแดงบ้าง ซึ่งถือเป็นการกล่าวหาที่เจ็บปวด อยากบอกว่าวันนี้ไม่ใช่เรื่องความรู้สึกส่วนตัว แต่เป็นอุดมการณ์ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของผม มันเป็นชะตากรรมที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คนอย่างผมทนต่อการไม่มีอิสรภาพได้ไม่นาน”
วอนไม่ไล่ 'ประยุทธ์' ต้องทนอยู่ต่ออีก 6 ปี
จตุพร กล่าวว่า หากทุกคนไม่ร่วมมือกันขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้รับประโยชน์สูงสุด คืออยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกอย่างน้อย 6 ปี
จตุพร ยังเปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลทางการข่าวว่า ในวันที่ 6 เม.ย.นี้ คนหนุ่มสาวที่ถูกคุมขังในเรือนจำ จะได้รับอิสรภาพ จึงภาวนาให้เป็นความจริง เพราะคนหนุ่มสาวเหล่านี้ หลงเชื่อคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ว่าจะไม่เอาผิดมาตรา 112
ลั่นอดทนถูกมิตร-ศัตรูทำลาย ลั่นมวลชนไม่มาร่วมเท่ากับกระแสยังหนุน 'ประยุทธ์'
ประธาน นปช. ระบุว่า"ในสนามรบ ผมจะต่อสู้โดยไม่มีอะไรต้องหวั่นวิตกกระทั่งชีวิต แม้ตัวผมจะถูกทุกฝ่ายทำลายทั้งศัตรูข้างหน้า อดีตมิตรข้างหลัง และคนรอบข้าง แต่ผมมีความอดทน เพราะรู้ว่า ผมอยู่ในถนนสายนี้ไม่เปลี่ยนแปลง"
"4 เม.ย. ถ้าไม่มีประชาชนเข้าร่วม ผมก็ต้องพิจารณาตามความเป็นจริง ว่า ประชาชนยังเอาด้วยกับประยุทธ์ แต่ถ้าประชาชนมาอย่างมืดฟ้ามัวดินแล้ว ผมเชื่อว่าสถานการณ์เปลี่ยน โดยจะเกิดการเปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นอย่างมีความชัดเจนขึ้น" จตุพรระบุ
จตุพร กล่าวว่า หลังจากวันที่ 4 เม.ย. หากประชาชนเรียกร้องให้มีการจัดการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ก็จะมีการจัดชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 7 และ 8 เม.ย. เป็นต้นไป
จตุพร ยังกล่าวว่า สำหรับการชุมนุมครั้งนี้ ได้ทำเรื่องของอนุญาต กทม.อย่างเป็นทางการแล้ว มีความปลอดภัย มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ตรวจอาวุธและสิ่งผิดกฎหมาย เพื่อยืนยันถึงความบริสุทธิ์ใจในการรวมตัว โดยจะชุมนุมอย่างสันติ มีรูปแบบกึ่งปราศรัย กึ่งเสวนา ซึ่งฝ่ายรัฐไม่จำเป็นต้องเอาตู้คอนเทนเนอร์มาสกัด
ด้าน อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 ผู้ริเริ่มจัดการชุมนุมครั้งนี้ กล่าวว่า เป็นกิจกรรมที่สะท้อนความสามัคคีของคนในชาติเพื่อหาทางออกให้กับประเทศที่กำลังเดินไปสู่ทางตันและส่อจะเกิดกลียุคสงครามกลางเมืองเพียงเพราะการกระหายอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อดุลย์ กล่าวว่า เวทีสามัคคีประชาชนจะเชิญประชาชนจากทุกภาคส่วนของสังคม ไม่เลือกข้าง ไม่แบ่งฝ่าย แบ่งสี มาชำแหละความผิดพลาดล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่การตระบัดสัตย์ไม่ปฏิรูปประเทศตามที่ให้สัญญาประชาคมเมื่อครั้งยึดอำนาจปี 2557 ไม่สร้างความสามัคคีปรองดองตามคำมั่นสัญญากับแกนนำกลุ่มการเมืองทั้งเสื้อเหลือง-เสื้อแดง แล้วสร้างความแตกแยกทางสังคมอย่างร้าวลึก ปล่อยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ ที่สำคัญพล.อ.ประยุทธ์ อ้างสถาบันพระมหากษัตริย์สร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบันโดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถปกป้องสถาบันได้ เป็นต้น
“เวทีสามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย ใครก็สามารถมาร่วมกันได้ หากมีความเห็นตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์คือตัวปัญหา เหมือนกับช่วง พ.ค. 2535 ที่นักศึกษาและประชาชนทุกฝ่ายเห็นว่า รสช.คือตัวปัญหาจึงออกมาขับไล่จนสำเร็จ ดังนั้นงานนี้จะต้องสลายเสื้อสี อะไรที่เคยบาดหมางใจให้ละไว้เลิกทะเลาะกันชั่วคราว มาสามัคคีเพื่อประเทศไทยไล่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สำเร็จก่อน และไม่จำเป็นต้องเดินลงท้องถนน เพราะหากทุกฝ่ายมาแสดงพลังร่วมกันจำนวนมากให้เป็นเจตจำนงของสังคมก็สามารถกดดันองคาพยพของรัฐบาลให้สั่นคลอนล้มลงได้ แล้วจัดให้มีรัฐบาลใหม่ที่สามารถสร้างความสามัคคีคนในชาติและปกป้องสถาบันได้ดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์”อดุลย์ กล่าว
ดังนั้นการออกมาปฏิบัติการไอโอของคนในรัฐบาลเพื่อด้อยค่าหรือพยายามสร้างความเกลียดชังให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชนควรหยุดเสีย และกลับไปเก็บหาทางลงจากอำนาจเพื่อไม่ให้ประเทศชาติต้องบอบช้ำไปมากกว่านี้
อดุลย์ กล่าวว่า การสร้างวาทกรรมสู้แล้วรวย การปรามาสจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมว่าจะมีไม่มาก ของคนฝั่งรัฐบาลนั้น สะท้อนให้เห็นความเขลาทางปัญญาและความล้าหลัง เพราะวันนี้มวลชนก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว พวกตนรู้ดีว่า กิจกรรมไล่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จบแค่ครั้งสองครั้ง แต่จะเป็นการสะสมเงื่อนไขพลังประชาชนเชิงคุณภาพ และวันหนึ่งจะมีประชาชนเรือนล้านลงถนนไล่พล.อ.ประยุทธ์ แน่นอนหากยังพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาระบอบประยุทธ์
อดุลย์ กล่าวว่า แกนนำที่ร่วมจัดกิจกรรม “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” มีที่มาที่และความคิดหลากหลาย ไม่มีสีเสื้อ พวกเราสามัคคีทุกสี มีเป้าหมายเดียวคือ ล้มระบอบประยุทธ์
“แกนนำ คือ คนที่อยู่หน้าแนวรบ มีมวลชนประชาชนที่มีความเห็นสอดคล้องกันเป็นกำแพงหนุน ทุกคนล้วนผ่านการต่อสู้บนท้องถนนมานับครั้งไม่ถ้วน ในยามที่การเมืองในระบบไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน แต่เป็นเพียงเกราะกำบังอำนาจและผลประโยชน์ของนายทุน ขุนศึก ศักดินา ก็ย่อมเป็นสิทธิโดยธรรมชาติที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของประชาชนที่จะออกมาขับไล่ผู้นำนั้น ซึ่งถือเป็นปรัชญาพื้นฐานของการเมืองที่ยึดถือกันปฏิบัติทั่วโลกว่า ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการลุกฮือ ต่อต้าน เป็นเรื่องระหว่างประชาชนกับเผด็จการ” อดุลย์ กล่าว
อดุลย์ กล่าวว่า ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 4 เม.ย.นี้ ซึ่งตนยืนยันว่าจะเป็นไปอย่างสันติ ก่อเกิดองค์ความรู้ สร้างสรรค์ และเป็นพลังที่จะทรงพลานุภาพล้มระบอบประยุทธ์ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง