ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลเกาหลีใต้เพิกถอนใบอนุญาตดำเนินการของ 2 องค์กรผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือ โดยชี้ว่ากิจกรรมโปรยใบปลิวข้ามแดนเพื่อต่อต้านเกาหลีเหนือของทั้ง 2 องค์กรขัดขวางความพยายามสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี

กลุ่มต่างๆ ที่ดำเนินการโดยผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือได้ส่งใบปลิวข้ามแดนจากเกาหลีใต้เข้าไปยังฝั่งเหนือมาต่อเนื่องหลายปี โดยในบอลลูนหรือขวดน้ำบรรจุใบปลิวที่ถูกส่งข้ามแดนไปทั้งทางอากาศหรือทางแม่น้ำยังบรรจุอาหาร ยารักษาโรค ธนบัตร 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ วิทยุเครื่องจิ๋ว และยูเอสบีที่บันทึกไฟล์ข่าวสารและซีรีส์ของเกาหลีใต้ 

ล่าสุด กระทรวงการรวมชาติของเกาหลีใต้ซึ่งดูแลงานด้านความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือระบุว่า ได้เพิกถอนใบอนุญาตดำเนินกิจการขององค์กรผู้แปรพักตร์ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนักรบเพื่อปลดปล่อยเกาหลีเหนือ (Fighters for a Free North Korea ) และศูนย์การศึกษากึนแซม (Kuensaem Education Centre) โดยให้เหตุผลว่าการส่งใบปลิวและสิ่งของข้ามแดนไปเกาหลีเหนือของทั้ง 2 องค์กร เป็นการขัดขวางนโยบายและความพยายามรวมชาติของรัฐบาล รวมถึงยังทำให้เกิดอันตรายต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่ชายแดนและสร้างความตึงเครียด พร้อมระบุว่ากิจกรรมส่งใบปลิวข้ามแดนยังไปไกลเกินกว่าจุดประสงค์การก่อตั้งกลุ่มอีกด้วย 

การไม่มีใบอนุญาตดำเนินการองค์กรนอกภาครัฐจะส่งผลให้กลุ่มผู้แปรพักตร์เหล่านี้ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีหรืออนุญาตให้จัดการระดมทุน แม้ว่ายังอนุญาตให้มีการบริจาคได้ก็ตาม ขณะที่กลุ่มผู้แปรพักตร์ทั้ง 2 กลุ่ม รวมถึงกลุ่มสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ได้ประณามการตัดสินใจของรัฐบาลเกาหลีใต้ว่าเป็นความพยายามปิดกั้นเสียงวิจารณ์เกาหลีเหนือเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของรัฐบาล โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลประธานาธิบดี ‘มุนแจอิน’ ซึ่งพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือได้ขอให้กลุ่มผู้แปรพักตร์หยุดส่งใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อ แต่กลุ่มผู้แปรพักตร์ปฏิเสธโดยอ้างถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และย้ำว่าการส่งใบปลิวข้ามแดนมีเป้าหมายให้ข้อมูลกับประชาชนในเกาหลีเหนือที่ถูกปกครองอย่างกดขี่   

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นประมาณ 1 เดือน หลังจากที่เกาหลีเหนือได้สั่งระเบิดทำลายสำนักงานประสานงานร่วมสองเกาหลีซึ่งตั้งอยู่ในเมืองแกซองของเกาหลีเหนือ จากความไม่พอใจต่อการส่งใบปลิวของผู้แปรพักตร์ที่วิจารณ์ ‘คิมจองอึน’ ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ โดยระบุว่ากิจกรรมดังกล่าวละเมิดข้อตกลงด้านสันติภาพระหว่างทั้ง 2 ฝั่ง 

อ้างอิง Reuters / The Korea Herald