สุชาติ สวัสดิ์ศรี ยื่นหนังสือและข้อเรียกร้อง ต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในนามนักเขียน บรรณาธิการ ศิลปิน สื่อมวลชนและประชาชนผู้เชื่อมั่นในหลักการประชาธิปไตย หรือในเพจ "way magazine" พร้อมรวบรวม 1,964 รายชื่อ มอบให้กับ รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ซึ่งมอบหมายให้ ณัฐยา มิตรมูลพิทักษ์ ผู้อำนวยการกองบริหารศูนย์ท่าพระจันทร์ มารับหนังสือแทน
ก่อนยื่นหนังสือ สุชาติ อ่านแถลงการณ์ย้ำถึงข้อเรียกร้องทางการเมือง 3 ข้อ ได้แก่ หยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยุบสภา และความฝันในการอยู่ร่วมกับสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงความเคลื่อนไหวให้ปฏิรูประบบการศึกษา ทั้งหมดนี้นอกจากจะไม่ได้มีเนื้อหาส่วนใดละเมิดกฎหมายแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงเจตจำนงของคนรุ่นใหม่ ความใฝ่ฝันที่จะเห็นสังคมดีขึ้นกว่าเดิม โดยข้อเรียกร้องทั้งหมดมีดังนี้
แนะโต้แย้งด้วยข้อมูล หยุดป้ายสีนักศึกษา
ให้รัฐและผู้เห็นต่าง โต้แย้งด้วยข้อมูลข้อเท็จจริงและเหตุผล หยุดให้ร้ายบิดเบือน หยุดละเมิดเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ด้วยวิธีการและท่วงทำนองต่ำทราม ขณะเดียวกันตามที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกาศไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ธรรมศาสตร์ ในการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. 2563 โดยมิได้ระบุเหตุผลชัดเจน มากไปกว่าถ้อยคำกว้างๆ ว่า กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม มิได้ดำเนินการขออนุญาตตามเงื่อนไขมหาวิทยาลัย
ในฐานะที่มีความผูกพันกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของธรรมศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทในการเป็นหลังพิงให้ที่อยู่ที่ยืนกับผู้คนในระบอบประชาธิปไตย จึงขอเรียกร้องให้คณะผู้บริหารธรรมศาสตร์พิจารณาทบทวน เปิดพื้นที่ให้ได้แสดงออกถึงจุดยืนทางการเมืองอันเป็นเรื่องพื้นฐาน สนับสนุนระบบดูแลความปลอดภัยในการชุมนุม แทนการปิดกั้นผลักไสให้ออกไปรับความเสี่ยงนอกรั้วมหาวิทยาลัย
ทั้งนี้ขอเรียกร้องสื่อมวลชนและขอความร่วมมือจากผู้สนใจติดตามข่าวสาร ให้ออกแรงช่วยกันตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน ร่วมกันยับยั้งแก้ไขข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ จากกลุ่มคนที่ประสงค์ให้เกิดการเผชิญหน้าปรารถนาจะให้สถานการณ์รุนแรง เพื่อนำไปสู่การใช้เครื่องมือทางอำนาจนอกระบบ ไม่ว่าจะในรูปแบบการทำรัฐประหาร หรือการจัดตั้งรัฐบาลพิเศษ ซึ่งล้วนแล้วแต่จะนำพาประเทศถอยหลังและตกต่ำยิ่งขึ้น
อย่าผลักนักศึกษาลงถนน
สุชาติ กล่าวด้วยว่าการชุมนุมของนักศึกษาดำเนินการภายใต้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่การที่มหาวิทยาลัยไม่อนุญาตเป็นการผลักนักศึกษาให้ไปเผชิญกับอันตรายนอกมหาวิทยาลัย และเห็นว่ามหาวิทยาลัยต้องเป็นหลังอิงของคนที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าได้เห็นถึงความหลากหลายทางความคิด
แต่การคิดจนเลยเถิดไปถึงการมองว่านักศึกษาบิดเบือนและละเมิดรัฐธรรมนูญ ถือเป็นความเห็นที่เลอะเลือน พร้อมยืนยันว่านักศึกษาไม่ได้เลอะเทอะ แต่มาใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมก็ปราศจากอาวุธมหาวิทยาลัย จึงควรเป็นหลังอิงและดูแลการชุมนุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงจะเป็นจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์อย่างแท้จริง
ตามเจตนารมณ์ที่ยืนยันมาโดยตลอดว่าธรรมศาสตร์มีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว ส่วนข้อกังวลโดยเฉพาะข้อเรียกร้องสิทธิที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปสถาบัน 'สุชาติ' เห็นว่านักศึกษาไม่ได้ล้มสถาบัน แต่ต้องการให้สถาบันมีความงอกงามและสง่างามในโลกสมัยใหม่ เพราะฉะนั้นจึงใช้คำว่าระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งหมายถึงการอยู่ใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง
ส่วนกรณีที่ศิษย์เก่ามีความเห็นแตกต่างกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการจัดการชุมนุมส่วนตัวเห็นว่าความขัดแย้งทางความคิดเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย แต่ขอให้ใช้ตรรกะและเหตุผลใช้การแลกเปลี่ยนข้อมูล และอดทนรับฟังซึ่งกันและกันจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะไม่สูญเสียไปกว่านี้ ทั้งนี้เห็นว่าธรรมศาสตร์ในยุคของตนเอง และปัจจุบันอุดมการณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่ตัวบุคคลอาจจะเปลี่ยนแปลง
ซึ่งช่วงระหว่างการเตรียมยื่นหนังสืออธิการบดีธรรมศาสตร์ ลงมาจากตึกผ่านวงสัมภาษณ์ของสื่อมวลชน ออกไปทางด้านหลังตึกโดม ซึ่งตัวแทนที่มารับหนังสือชี้แจงว่าอธิการมีภารกิจจึงไม่สามารถมารับหนังสือด้วยตนเองได้
แก้วสรร ลั่นปิด มธ.พอกันทีวีรชน
ด้าน แก้วสรร อติโพธิ อดีตศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยื่นหนังสือพร้อมรายชื่อศิษย์เก่าธรรมศาสตร์กว่า 2,966 รายชื่อ โดยยืนยันไม่เห็นด้วยที่จะใช้มหาวิทยาลัยชุมนุม โดยคำขอนี้มีกรอบอยู่ที่การสนับสนุนการออกคำสั่งไม่อนุญาตให้ชมรมของอธิการบดีเท่านั้น ส่วนการบังคับตามคำสั่งไม่อนุญาตว่าอธิการบดีจะปิดมหาวิทยาลัยจริงๆอย่างไรนั้น ไม่ขอก้าวล่วงหรือบังคับด้วยประการใด เพราะจะเป็นการเข้าไปมีอำนาจโดยไม่ต้องรับผิดชอบซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง พร้อมย้ำว่ากิจกรรมการรวมตัวนี้จะยุติลงเมื่อยื่นบันทึกแล้ว ส่วนไลน์ "ปิด มธ.พอกันทีวีรชน" จะปิดตามมาในวันที่ 20 ก.ย.หลังจากเก็บข้อมูลรายงานกลุ่มศิษย์เก่าเรียบร้อยแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับมหาวิทยาลัยในวันที่ 19-20 ก.ย.
แก้วสรร ย้ำคำขอชี้แจงว่าเราไม่ปฏิเสธซึ่งเสรีภาพทางความคิดของนักศึกษากลุ่มนี้หรือของผู้ใด แต่เห็นว่าการใช้เสรีภาพในการชุมนุมในครั้งนี้ เป็นการใช้สิทธิที่ยอมรับไม่ได้ซึ่งธรรมศาสตร์ไม่ควรเกี่ยวข้องด้วยส่วนจะคิดจะพูดอย่างไรไม่ใช่เรื่องที่เราจะคัดค้าน ซึ่งในกลุ่มก็มีผู้เห็นตรงกับนักศึกษาในเรื่องนั้นเรื่องนี้เช่นกัน แต่พอมาถึงวิธีการแสดงออกด้วยการชุมนุมในครั้งนี้ ทุกคนกลับเห็นตรงกันว่ายอมรับให้ใช้ธรรมศาสตร์ไม่ได้
ปัดเป็นนั่งร้านรัฐประหาร
ในฐานะผู้รวบรวมรายชื่อนี้ขอใช้สิทธิ ส่วนตัวปฏิเสธการให้ร้ายบิดเบือนจากรุ่นพี่ธรรมศาสตร์ที่เคยเคารพในทางความคิดขอยืนยันว่าตนเองก็ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจ ของ คสช.เช่นกัน และไม่เคยใช้เวที กปปส.กวักมือเรียกให้ทหารออกมาปฏิวัติ ดังที่มีรุ่นพี่ได้ใส่ร้ายด้วยโมหะและโทสะอันฝังลึกอยู่ในตัวตน
ดังนั้นสิ่งที่ตนเองและพี่น้องในกลุ่มศิษย์เก่าเห็นตรงกันปฏิเสธร่วมกัน คือการเคลื่อนไหวสร้างความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองตามทัศนคติของตน ด้วยความไม่รับผิดชอบไม่เคารพสิทธิของคนอื่น รวมทั้งสร้างกำลังทางการเมืองด้วยความจงเกลียดจงชังปลุกปั่นคนไทย ไปจนถึงลูกเล็กเด็กแดงแตกเป็นฝักฝ่ายเช่นปัจจุบัน
เชื่อแกนนำคุมม็อบยาก
ส่วนตัวไม่เชื่อว่าแกนนำนักศึกษาจะสามารถควบคุมม็อบได้ หากมีการปลุกปั่นมาจากไซเบอร์ เหล่านี้ไม่ใช่เพียงความหวั่นวิตก แต่ถือเป็นความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น เมื่อถามว่า การฝากให้นักศึกษาไปชุนนุมภายนอก จะไม่เป็นอันตรายมากกว่าการเปิดพื้นที่ให้ชุมนุมภายในมหาวิทยาลัยหรือไม่
ซึ่ง แก้วสรรได้แต่แสดงความเป็นห่วง เพราะมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่เคยชุมนุม โดยไม่ทราบว่าเป็นคนกลุ่มใดบ้าง ไม่เคยมีใคร 2-3 คนทำลับๆล่อๆแบบนี้และสุ่มเสี่ยงไม่โปร่งใส เลี่ยงกฎหมายเช่นนี้ ถ้าชุมนุมให้ถูกต้องจัดอภิปรายให้ถูกต้องอย่างโปร่งใส มีความชัดเจนอยู่ในธรรมศาสตร์ชัดเจน หากเป็นเช่นนี้ตนเองก็จะไม่มายุ่ง
ส่วนกรณีที่นักศึกษาชูธง 10 ข้อเรื่องการปฏิรูปสถาบัน แก้วสรรตอบว่า พวกเราไม่ก้าวล่วงความคิดเห็นของนักศึกษา ว่าจะผิดหรือถูกซึ่งความคิดหลายอย่างตนเองเห็นด้วย แต่หากเคลื่อนไหวเช่นนี้ตนเองไม่เอาด้วย
"บ้านเมืองเวลานี้มี 2 พวก พวกหนึ่งคือพวกใช้สิทธิใช้อำนาจตามอำเภอใจทุกสี กับอีกพวกหนึ่งอยากใช้สิทธิโดยสงบ มีกฎหมายชุมนุมสาธารณะ ก็บังคับใช้ตามเรื่องเพื่อความโปร่งใส และในสภาขอให้ทำงานอย่าไปทำเรื่องบ้าๆบอๆแบบนี้ นั่งลุ้นว่ามันหมดยุคที่จะนั่งลุ้นว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ความคับข้องใจตรงนี้ก็คืออยากจะเปลี่ยนอนาคตเปลี่ยนวิธีการเคลื่อนไหวทางการเมือง กฎหมายมีแล้วก็อย่าเลี่ยง ให้ทำตัวให้ได้มาตรฐานขอให้ทำตัวให้ได้มาตรฐาน" แก้วสรร กล่าว
นอกจากนี้ แก้วสรร ได้นำช่อดอกไม้ไปวางที่อนุสาวรีย์ปรีดีพนมยงค์ พร้อมกล่าวว่า "เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและธรรมศาสตร์ต้องพ้นเงื้อมมือเผด็จการม็อบ"
อ่านเพิ่มเติม