หลังจากเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2566 แอดมินผู้ดูแลบัญชีเฟซบุ๊ก 'อานนท์ นำภา' ได้โพสต์ชี้แจงว่า จดหมายจากเรือนจำขออานนท์ ที่ปกติจะเขียนส่งมาให้ลูกได้อ่านในแต่ละสัปดาห์นั้น ไม่ถูกส่งออกมาจากเรือนจำหลายวันแล้ว ต่อมาในวันที่ 16 ก็พบว่ามีจดหมายฉบับดังกล่าวส่งมา โดยเนื้อความในจดหมายมีใจความดังนี้
“ไม่น่าเชื่อว่าบุหรี่มวนนั้นจะเป็นมวนสุดท้ายที่สยามมีโอกาสพันให้พ่อสูบ หลังจากนั้นอีกปีเศษ อาจารย์สุรชัย, ภูชนะ และผู้ลี้ภัยอีกหลายคนรวมทั้งสยามก็หายสาปสูญ พวกเราได้ศพคืนมาแค่ 2 ศพ ที่ถูกฆ่าอย่างทารุณ ลอยตามแม่น้ำโขงมาขึ้นที่ฝั่งไทย”
12 ธ.ค. 2566 ถึงปราณและอิสรานนท์ ลูกรัก
ชะตากรรมของผู้ลี้ภัยทางการเมืองไม่ได้ง่ายอย่างที่หลาย ๆ คน เข้าใจ ที่ฝั่งลาวพวกเขาต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ มีเพียงมิตรสหาย เพื่อนฝูงไม่มากนักที่พอมีโอกาสได้เดินทางมาเยี่ยมเยือนและช่วยเหลือ หลังจากที่กลุ่มของอาจารย์สุรชัยและลงสนามสนามหลวงคุ้มค่าและอุ้มหายเพื่อนเพื่อนของพ่อกลุ่มไฟเย็นคือเป้าหมายต่อไป โชคดีที่พวกเขาหลบหนีออกจากพื้นที่ได้ทันเวลา ทั้งหมดจึงเดินทางพลัดบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้งสู่ประเทศที่สาม
“ไฟเย็น” และเพื่อนๆ ของพ่ออีกหลายๆ คน ยังคงต่อสู้และเคลื่อนไหวตามแนวทางของตน อาจารย์ปวิน อาจารย์จรัญ อาจารย์สมศักดิ์ ก็เช่นกัน การต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้ได้ขยายแนวออกไปไกลกว่าแค่การต่อสู้กับเผด็จการทหารเท่านั้น หากแต่เป็นการต่อสู้ระหว่างสังคมเก่ากับสังคมใหม่ ความเชื่อเก่ากับความเชื่อใหม่
ทุกครั้งที่พ่อขึ้นปราศรัยทางการเมือง พ่อมักจะคิดถึงพวกเขา ผู้คนที่เสียสละชีวิต เสรีภาพ เพื่อการต่อสู้ทุกคน ซึ่งทุกคนจะไม่สามารถเดินทางกลับมาตุภูมิได้หากยังมีมาตรา 112 และยังติดคดีความ
พ่ออยากให้ลูกทั้งสองได้จำไว้ ไม่ใช่แค่ครอบครัวเราที่ต้องลำบากและพลัดพราก เรายังโชคดีที่คิดถึงกันยังได้พบหน้าแต่สำหรับสยาม, อาจารย์สุรชัย, ลุงสนามหลวง ฯลฯ แม้แต่ศพยังมีโอกาสได้กลับมาตุภูมิ
ขอให้ดวงวิญญาณของทั้งหมดช่วยเป็นกำลังใจให้พ่อและนักโทษการเมืองทุกคนตอนนี้ พวกเราในคุกยังคงระลึกถึงทุกคนที่เสียสละเพื่อการต่อสู้ครั้งนี้เช่นกัน
อานนท์ นำภา
แดน4
เรือนจำพิเศษกรุงเทพ