ไม่พบผลการค้นหา
ยอดขายในเครือแบรนด์ LVMH เติบโตต่อเนื่อง ขัดกับสถานการณ์การชะลอ กระทบยอดซื้อแบรนด์อื่นๆ

บรรดานักชอปแบรนด์หรูสัญชาติจีนยังคงทำกำไรให้แบรนด์ดังอย่าง หลุยส์ วิตตอง, คริสเตียน ดิออร์, เซลีน ซึ่งมีบริษัทแม่อย่าง แอลวีเอ็มเอช โมเอต์ เฮนเนสซี่ หลุยส์ วิตตอง อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดหุ้นของแอลวีเอ็มเอชปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 4.78 ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและความตึงเครียดจากปัญหาสงครามการค้า

เมื่อวันอังคาร (29 มกราคม) ที่ผ่านมา แอลวีเอ็มเอชออกมาแถลงผลประกอบการ โดยมีรายรับสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขึ้นไปแตะ 1.37 หมื่นล้านยูโร หรือประมาณ 4.92 แสนล้านบาท ในขณะที่รายรับรวมทั้งปีอยู่ที่ 4.68 หมื่นล้านยูโร หรือประมาณ 1.68 ล้านล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในปี 2561 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 หรือประมาณ 6.35 พันล้านยูโร หรือประมาณ 2.28 แสนล้านบาท 


"มกราคมดูไปได้สวยทีเดียว" เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ประธานบริหารแอลอีเอ็มเอช กล่าว


ฌ็อง-ฌัก กวิโอนี เจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของแอลวีเอ็มเอช กล่าวว่า ยอดใช้จ่ายของนักชอปสัญชาติจีนทั้งในประเทศจีนและในต่างประเทศเพิ่มขึ้นในอัตราตัวเลขสองหลักในแทบทุกแบรนด์ที่บริษัทแอลวีเอ็มเอชเป็นเจ้าของ 


"เรายังไม่เห็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสที่ 4 เปรียบเทียบกับทั้งปี" นายกวิโอนี กล่าว


อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกแบรนด์ที่จะอยู่รอดปลอดภัยท่ามกลางวิกฤตการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน อุตสาหกรรมนาฬิกาหรูของสวิตเซอร์แลนด์มียอดการส่งออกตกลงร้อยละ 10 ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยสหพันธ์อุตสาหกรรมนาฬิกาสวิต (FSWI) กล่าวว่า แอลวีเอ็มเอชไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน เป็นเพราะแบรนด์นาฬิกาของแอลวีเอ็มเอช อย่าง แทกฮอยเออร์ และ อูโบลท์ มีสัดส่วนในตลาดจีนน้อยกว่าแบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิสแบรนด์อื่นๆ 

ในปัจจุบันแบรนด์หรูต่างๆ ล้วนพึ่งพายอดขายในประเทศจีน และเป็นกังวลเกี่ยวกับปัญหาสงครามการค้าที่อาจจะกระทบต่อยอดซื้อได้ ผิดกับแอลวีเอ็มเอชที่ธุรกิจในเครือยังไม่เผชิญปัญหาอย่างที่นาฬิกาสวิสแบรนด์อื่นๆ หรือที่บริษัทแอปเปิลกำลังเผชิญ

"ถ้ามีสงครามการค้าระระหว่างสหรัฐฯ และจีนจริง เราคงยังไม่ถึงจุดที่จะได้รับผลกระทบ" นายกวิโอนี กล่าว

เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ตั้งเป้าที่จะพาแบรนด์เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2562 แม้จะอยู่ท่ามกลาง "สถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน" นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา

อ้างอิง; WSJ, FT